เหลือเวลาอีกไม่กี่วันการโหวตนายกฯครั้งที่ 3 ที่จะเริ่มในวันศุกร์ที่ 4 ส.ค.2566 ก็จะอุบัติขึ้น และอย่างที่ทุกคนทราบ รอบนี้เป็นคิวของเพื่อไทยที่จะได้เสนอแคนดิเดตนายกฯของตัวเองให้รัฐสภาได้พิจารณา และอย่างที่รู้ชื่อแรกที่เพื่อไทยจะเสนอให้ขึ้นเขียงลุ้นนายกฯคนที่ 30 ก็คือ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยวัย 60 ปี อย่างที่รู้ในเพื่อไทยเศรษฐาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเนื้อแท้ของพรรคเหมือนสองแคนดิเเดตที่เหลืออยู่คือแพทองธาร ชินวัตร กับ ชัยเกษม นิติสิริ แต่เข้ามาช่วยเพื่อไทยด้วยการเป็นแบ็กอัพให้กับนายกฯน้องสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเป็นที่ปรึกษาแบบลับๆด้านเศรษฐกิจและนโยบายให้กับรัฐบาลนารีขี่ม้าขาว แต่เสียดายยิ่งลักษณ์ได้เวลาบริหารประเทศไม่นานก่อนถูกรัฐประหารไปเสียก่อน
แต่โอกาสและวาสนาของเศรษฐาก็ยังไม่หมดไป ล่าสุดอีกไม่กี่วันเขาจะมีลุ้นถูกจารึกชื่อเป็นผู้นำประเทศไทยคนที่ 30 แต่บนเส้นทางแห่งอำนาจ ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จะสำเร็จหรือไม่นั้นก็คงต้องไปวัดดวงว่าเศรษฐาจะได้เสียงเกิน 376 มากกว่ากึ่งหนึ่้งของสองสภาจากบรรดาส.ส.กับส.ว.หรือไม่ ที่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไปที่เศรษฐาจะต้องลุ้น อย่างไรก็ตามแม้จะยังไม่ถึงเวลาขึ้นบนเวที แต่เศรษฐาก็ถูกตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสมในการเป็นนายกฯคนใหม่ของไทยอย่างเร่าร้อน ด้านหนึ่งถูก “เสี่ยอ่าง” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ตั้งคำถามถึงความสง่างามในการเป็นนายกฯ กรณีมีประเด็นพัวพันการซื้อขายที่ดินในอดีตที่อาจมีการทำธุรกรรมอำพรางเลี่ยงภาษีเกือบ 500 ล้านบาทสมัยทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ชูวิทย์ออกมาขู่เศรษฐาหลายครั้งแล้วว่าจะออกมาแฉถ้ามีลุ้นนายกฯ “คุณอยากได้นายกรัฐมนตรีที่สง่างาม คุณอยากได้นายกรัฐมนตรีที่โปร่งใส หรือ อยากได้นายกรัฐมนตรีที่มีปัญหาเรื่อง conflict of interest…ถ้าแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีไม่ใช่คนนี้ ผมก็ไม่จำเป็นต้องพูด” ชูวิทย์ระบุ ที่ก็ไม่รู้ว่าหากเปิดประเด็นนี้ออกมาแบบหมดเปลือก ทุกประเด็นจริงๆจะส่งผลกระทบกับเศรษฐามากน้อยขนาดไหน
ไม่ใช่เเค่เรื่องธรรมาภิบาลเท่านั้นที่เศรษฐาถูกตั้งคำถามว่าอาจมีปัญหากับการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯที่ผู้นำประเทศต้องมีความโปร่งใสไร้เรื่องเสียหายไม่มีมลทิน หากแต่อีกประเด็นสำคัญที่อาจทำให้เศรษฐาล่องจุ๊นพลาดจากการเป็นนายกฯเฉกเช่นเดียวกับหน้าหล่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯก้าวไกล ก็คือการมีแนวคิดอันตรายในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม. 112 ที่เรื่องนี้ได้กลายเป็น “จุดตาย-จุดสลบ” ของพิธาที่ทำให้ไปไม่ถึงฝันในการเป็นนายกฯ เพราะเจอส.ส.และส.ว.บอยคอต พลอยทำให้พิธาได้คะแนนโหวตนายกฯแค่ 324 เท่านั้น โดยในจำนวนนี้มีส.ว.แค่13 เสียงจาก 249 เสียงเท่านั้นที่ยกมือให้พิธา ตอนนี้ประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอยเศรษฐากำลังตกอยู่ในวังวนนั้นเช่นกัน หลังมีการเผยแพร่คลิปที่เศรษฐาพูดออกจากปากว่าจะแก้ม.112 เผยแพร่ออกสู้สังคมปลิวว่อนโซเชี่ยลตรงนี้พลอยทำให้ส.ว.หลายคนออกมาตั้งคำถามถึงจุดยืนของเศรษฐาและกังวลคำพูดของเศรษฐาในเรื่องนี้ “ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้จะโหวตเลือกนายเศรษฐาหรือไม่ แม้ในเอ็มโอยู 8พรรคร่วมรัฐบาลไม่ระบุเรื่องการแก้ไข ม.112 และพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนไม่แก้ ม.112 แต่ติดอยู่ที่นายเศรษฐาเคยพูดตอนหาเสียงจะแก้ม.112 จึงอยากได้ยินคำตอบที่ชัดเจนจากปากนายเศรษฐามีความคิดจะแก้ม.112จริงหรือไม่ เพื่อประกอบการตัดสินใจโหวตนายกฯ” เสรี สุวรรณภานนท์ สภาสูงตัวตึงออกมาพูดแทนส.ว.ส่วนใหญ่ที่ก็มีความคิดเห็นกังวลในเรื่องนี้เหมือนกันทั้งหมด ตรงนี้แหละอาจทำให้เศรษฐาตายน้ำตื้นได้ง่ายๆ ในเรื่องคุณสมบัติส่วนตัว
ไม่แค่เรื่องธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจ กับ เรื่องที่ออกตัวว่าจะแก้ไขม.112 ประเด็นเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลสูตร “ดีลลับฮ่องกง” ที่มีข่าวว่าทักษิณ ชินวัตร เจ้าของเพื่อไทยตัวจริงหารือกับแกนนำทุกพรรคหมดแล้ว ก่อนจะมีการปล่อยสูตร “มีเรา ไม่มีลุง” ที่งานนี้ก้าวไกล 151 เสียงจะถอยออกไปเป็นฝ่ายค้านทั้งหมด เพื่อเปิดทางให้ส.ว.ยกมือโหวตให้เศรษฐา แต่ต้องแลกมาด้วยการที่เพื่อไทยจะไม่ดึง 2 พรรคลุงอย่างพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติเข้ามา จากสูตรนี้ 8 พรรค 311 หากหักก้าวไกล 151 ไทยสร้างไทย 6 เป็นธรรม 1 ออกไป เสียง 5 พรรคจะเหลือ 153 เติมภูมิใจไทย 71 ชาติไทยพัฒนา 10 ประชาธิปัตย์ปีกเฉลิมชัย 19 ชาติพัฒนากล้า 2 รวมกันจะมี 255 เสียงในการตั้งรัฐบาล
เมื่อรวมกับ 151 เสียงของก้าวไกลที่จะโหวตให้เศรษฐาจะมี 406 เสียง เศรษฐาจะได้เป็นนายกฯแบบสบายๆ เพื่อไทยไม่ต้องไปพึ่งส.ว. แต่คำถามของเรื่องนี้ก็อยู่ที่ว่าเพื่อไทยจะแบกรัฐบาล 255 เสียงไปได้กี่น้ำ อนาคตถ้าก้าวไกลไม่หนุนรัฐบาล เพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำที่ต้องไปพึ่งใบบุญก้าวไกลตลอดไป ขณะเดียวกันในฝั่ง 4 พรรค 102 เสียง ขั้วรัฐบาลที่ไปหนุนเพื่อไทย อย่าง “ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนากล้า” อนาคตจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกเพื่อไทยถีบออกมาจากรัฐบาลแล้วเอาก้าวไกลเข้าไปเสียบแทน หรือจะพอใจแค่ได้เป็นรัฐบาลอย่างเดียว ไม่สนสี่สนแปดอะไร ตรงนี้ 4 พรรคต้องคิดให้ดี อนุทิน เฉลิมชัย วราวุธ สุวัจน์ ต้องมองยาวๆให้ออก เพราะเพื่อไทยอาจเล่นเล่ห์เพทุบายในอนาคตก็ได้ หากได้เป็นนายกฯได้เป็นรัฐบาลสมใจ เรื่องนี้ก็เป็นอีกประเด็นที่ทำให้ส.ส.และ ส.ว.ต้องชั่งใจให้ดีๆไม่อย่างนั้นจะโดนเพื่อไทยหลอกเสียสุนัขเอาได้ง่ายๆ
นอกจากสูตรฮ่องกงแล้ว ล่าสุดเพื่อไทยยังมีสูตรเอาตัวรอด “ไม่มีลุง ไม่มีเรา ไม่เอาก้าวไกล” โดยเป็นสูตรที่เพื่อไทยตัดปัญหาทุกฝ่ายออกไปหมด หนึ่งคือไม่มีก้าวไกลที่เป็นพรรคต้นตอแก้ ม. 112 สองคือไม่เอาพรรค 2 ลุงไม่ดึงพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติมาร่วมรัฐบาล ตามสูตรนี้เพื่อไทยจะมีเสียงแค่ 255 ซึ่งน้อยไปมาก และเสียงจะกลายเป็นรัฐบาลอายุสั้นอยู่ไม่นานแน่นอน เพราะต้องไปพึ่งจมูกพรรคอื่นหายใจ ที่ล่าสุดสูตรถีบก้าวไกลออกน่าจะเป็นจริงแน่นอนเพราะตัวตึงฝ่ายส้มออกมาด่าเพื่อไทยหลายวันแล้ว
” ถ้าจะรวมหัวสมคบกันล้มล้างผลการเลือกตั้ง หลักก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านก็ควรพูดกับพี่น้องประชาชนให้ชัด ว่ายังเหลืออะไรในMOU ที่จะยอมทำบ้าง” เจ๊เจี๊ยบหลังม็อบออกมาโพสต์ FB ก่อนโกรธควันออกหูที่เพื่อไทยไม่ยอมนัด 8 พรรคหารือการโหวตนายกฯรอบต่อไปเหมือนจะกันฝ่ายส้มให้อยู่วงนอกกรุยทางสู่อำนาจ ไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับการเลือกนายกฯตั้งรัฐบาล ล่าสุดมีความเป็นไปได้สูงที่สูตรการตั้งรัฐบาลจะออกมารูปแบบ “วิน-วิน” กันทั้งสองฝ่าย คือ “ไม่มีพรรคล้มเจ้า ไม่มีพรรคบิ๊กตู่” ถอดสลักระเบิดของทั้งสองฝ่ายไปให้หมด ชูวิทย์ตีกินสูตรนี้ว่าเป็น “สูตรหักหลังถ้วนหน้า” ผิดหวังกันทุกฝ่าย ปิดสวิทต์ก้าวไกล ปิดทางลุงตู่ โบกปูนส.ว.
ตามสูตรนี้เพื่อไทยแตก 8 พรรคขั้วเดิม ในรัฐบาลใหม่จะไม่มีก้าวไกล ไทยสร้างไทย และเป็นธรรม ขั้วเพื่อไทย 5 พรรคมีตุนไว้ 153 เสียง จะไปจับมือร่วมรัฐบาลกับขั้วรัฐบาลเดิมที่ประกอบไปด้วย ภูมิใจไทย 71 พลังประชารัฐ 40 ส่วนใหญ่ของประชาธิปัตย์ 19 ชาติไทยพัฒนา 10 และ ชาติพัฒนากล้า 2 รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของเพื่อไทยกับขั้วรัฐบาลปัจจุบันก็จะมี 295 เสียง เพียงพอกับการบริหารประเทศไปยาวๆ โดยไม่มีก้าวไกล ไม่มีรวมไทยสร้างชาติ ที่ต่างก็เป็นหอกข้างแคร่เป็นพรรคขั้วตรงข้ามในการเป็นรัฐบาล งานนี้ก็ต้องตามดูกันยาวๆ ว่านายทุนใหญ่ที่ถือหางรวมไทยสร้างชาติจะว่าอย่างไร ถ้าพรรคจะถูกเขี่ยออกจากการร่วมรัฐบาลแบบนี้จะยอมไหม แล้วจะกลับมายังไง ส่วนนายกฯจะเป็นใครก็ลุ้นเอาจาก 3 ชื่อนี้แหละ “เศรษฐา-อนุทิน-พล.อ.ประวิตร”
/////////////////////