“ผอ.รร.บ้านมูโนะ” สุดหดหู่ นร.ตาบอด-เสียครอบครัว จากเหตุโกดังพลุ เร่งประสานเยียวยาจิตใจ

นางโสรยา อาแซ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมูโนะ ซึ่งเดินทางมาติดตามดูความเสียหายที่เกิดขึ้น เปิดเผยว่า ทางโรงเรียนให้ครูลงพื้นที่ไปเยียวยาเด็กนักเรียนในเชิงลึก หลังจาก 3 วันที่ผ่านมา ตนเองได้รับข้อมูลเรื่องของการได้รับบาดเจ็บของนักเรียน มีบาดเจ็บสาหัส 1 ราย บาดเจ็บสาหัสปานกลาง 4 ราย ที่เหลืออยู่ในโซนสีเขียว 25 ราย และยังมีนักเรียนที่สูญเสียบ้านเรือนอีก 25 ครอบครัว

ส่วนการลงพื้นที่วันนี้ยังได้กำชับให้ครูลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านนักเรียกที่ได้รัรบความเสียหายแบบเชิงลึก เพื่อทำรายละเอียดสำหรับการประเมินเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงการเยียวยาด้านจิตใจ เนื่องจากขณะนี้เด็กนักเรียนที่ได้รับผลกระทบรู้สึกซ๊อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก และยังมีอาการคลายซึงเศร้า เมื่อรวบรวมข้อมูลเสร็จจะส่งต่อข้อมูลให้กับสำนักพัฒนาจิตเวช เพื่อทำการเยียวยาต่อไป

อีกทั้งจากวงจรปิดภายในโรงเรียนจับภาพได้ในวันเกิดเหตุ เด็กกำลังเล่นกันอยู่บริเวณด้านหน้าหอประชุม ช่วงเวลาห่างกันไม่เกิน 50 วินาที ก่อนเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น แต่โชคดีในขณะนั้นเด็กทั้ง 3 คนได้ขับมอเตอร์ไซค์ออกไปจากหน้าประตูโรงเรียนแล้ว หากในวันดังกล่าวเด็กยังเล่นอยู่ตรงจุดนั้น ตนยังนึกภาพไม่ออกว่ากระจกทั้ง 3 บานบานใหญ่จะกระเด็นทับนักเรียนหรือไม่

ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมูโนะ เปิดเผยอีกว่า จากการลงพื้นที่สำรวจนักเรียนที่ผ่านมาพบว่ามี 1 เคสที่ผู้ปกครองเด็กเสียชีวิต เป็นเด็กนักเรียนชั้นป. 1/1 ซึ่งภรรยาของผู้เสียชีวิตเป็นศิษย์เก่าที่นี่ เมื่อวานตนเองก็เดินทางมาที่โรงเรียน ได้ส่งกำลังใจให้กับครอบครัวดังกล่าว โดยรับปากจะช่วยดูแลลูก ถือเป็นภาพที่หดหู่เป็นอย่างมาก ความจริงแล้วครอบครัวนี้บ้านไม่ได้อยู่ใกล้กับโกดัง แต่บังเอิญวันเกิดเหตุไปช่วยญาติซ่อมบ้านที่อยู่ใกล้กับโกดัง

ส่วนเคสที่ 2 พบเด็กนักเรียนสูญเสียดวงตาไป 1 ข้าง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเด็กนักเรียนชั้น ป. 6 ซึ่งต้องมีอนาคตอีกยาวไกล จึงเป็นภาพที่ทำให้เรารู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เด็กกำลังจะมีอนาคตอีกยาวไกล ตนเองจึงคิดว่า จะทำอย่างไร ซึ่งเมื่อวานนนี้ ตนเองได้นำเรียนท่านองคมนตรีไปแล้ว ในฐานะที่ท่านดูแลในส่วนนี้ เพราะโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนในพระราชดำริ ในกลุ่มกองทุนการศึกษา ซึ่งต้องมีการเยียวยาดูแลในระยะยาว

เบื้องต้นทางโรงเรียนได้เปิดบัญชีรายได้สถานศึกษาเปิดรับบริจาคโดยรายได้จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 สำหรับเยียวยาให้กับเด็กนักเรียนในเรื่องของเสื้อผ้าอุปกรณ์การเรียน เพราะเด็กๆไม่สามารถเก็บอะไรได้เลย รวมไปถึงเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ และ 2. สนับสนุนในเรื่องของการซ่อมแซมบ้านเรือน