4 ส.ค.66 ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยสส. แถลงถึงกรณีที่ประธานสภาเลื่อนการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ว่า เรายืนยันว่าญัตติที่สส. พรรคก้าวไกล ในฐานะสมาชิกรัฐสภาได้เสนอให้มีการทบทวนมติที่รัฐสภา เคยพิจารณาว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามญัตติทั่วไป ตามข้อบังคับที่ 41 เป็นญัตติที่ถูกต้อง ซึ่งวันนี้ประธานสภาควรดำเนินการให้มีการลงมติ ว่าสมาชิกรัฐสภาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับญัตตินี้ ซึ่งก็เป็นกระบวนการตามปกติที่ควรจะดำเนิน ในฐานะที่พรรคก้าวไกล เป็นฝ่ายที่สนับสนุน ให้นายวันมูฮะหมัดนอร์ มะทา ดำรงตำแหน่งประธานสภา เรามีข้อกังวลว่าการปิดสภาวันนี้ อาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าไม่สง่างาม โดยเห็นว่าเสียงสว. มีไม่พอหรือไม่ที่นำไปสู่การมติ ซึ่งหวังว่าการประชุมหลังจากนี้จะดีขึ้น
การปิดประชุมสภาวันนี้ทำให้การดำเนินการประชุม 2 วาระ วาระแรกคือการเลือกนายกฯ ซึ่งทั้งพรรคพรรคก้าวไกลยังยืนยันว่า การเลือกนายกฯ สามารถดำเนินการไปต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอมติของศาลรัฐธรรมนูญ และยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจเต็มของรัฐสภา และที่สำคัญ ต่อให้วันนี้สมาชิกส่วนใหญ่ของรัฐสภาอาจจะลงมติให้เลื่อนวาระการเลือกนายกฯ ไปก่อน แต่ยังมีวาระที่ 2 คือการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งมีความสำคัญมากในสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้น เพื่อการดำเนินการปิดสวิตช์สว. หากผ่านวาระที่ 1 จะทำให้การเลือกนายกฯ ไม่ไปสู่ทางตัน
ต่อมานายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า วันนี้ สส.ก้าวไกล พร้อมยื่นญัตติเพื่อขอทบทวน ซึ่งปรากฏว่ามีนักวิชาการเข้าชื่อในแถลงการณ์ 115 คนมีผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งนำไปสู่การพิจารณาในประเด็นผู้ที่มีความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง ในความเป็นจริงสามารถใช้กลไกสภาได้ ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อเราตัดสินใจแล้ว ก็สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้โดยใช้อำนาจสภา เมื่อมีข้อเท็จจริงเหล่านี้ พรรคก้าวไกล ได้เสนอญัตติ และมีผู้รับรองถูกต้อง ซึ่งประธานสภาต้องให้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ พวกเราไม่มีเจตนาประวิงเวลา ซึ่งเตรียมมาอภิปรายเพียงไม่กี่คน เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปโดยเร็ว หากปรากฏว่ามติสภาให้มีการทบทวนและเลิกในผลที่เราเคยลงมติ เราก็จะไม่เจอเงื่อนไขในการเลื่อนประชุมต่อไป ซึ่งไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร ซึ่งมีผู้โต้แย้ง 2 ประเด็นว่า ญัตติของพรรคก้าวไกล เป็นหลักการซ้ำ เพราะสภาได้มีมติตามข้อบังคับ 151 ไปแล้ว และเมื่อเป็นหลักการซ้ำก็จะเข้าข้อบังคับที่ 41 ที่ห้ามเสนออีกในสมัยประชุมนั้น
ตนขอยืนยันอีกครั้งว่า การมีมติเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมนั้น เป็นมติในเรื่องของการตีความข้อบังคับว่าการเสนอนายกฯ ซึ่งคือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล สามารถเสนอได้อีกหรือไม่ และจะเข้าตามข้อบังคับข้อที่ 41 หรือไม่ ซึ่งสาระของสิ่งนี้เป็นคนละเรื่อง ขอยืนยันเช่นเดียวกับที่ยืนยันในสภาว่า การเสนอของพรรคก้าวไกล ไม่ใช่ญัตติซ้ำอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าเสนอและพิจารณาไปแล้ว ปรากฏว่าสัปดาห์หน้าจะพิจารณาอีกในลักษณะ สิ่งนี้ทำไม่ได้ เพราะจะเข้าญัตติซ้ำ
ประเด็นที่ 2 ที่ประธานรัฐสภาพยายามอธิบายในห้องประชุม ตามข้อบังคับข้อที่ 151 มีหนึ่งในข้อความที่ระบุไว้ว่า การตีความนั้นต้องเป็นการตีความที่ “เด็ดขาด” หมายความว่า เมื่อตีความไปแล้ว จะมีผู้หนึ่งผู้ใดยกมาอีกไม่ได้ จะต้องมีแนวการตีความไปในลักษณะเช่นนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปิดกั้นไม่ให้ที่ประชุมของรัฐสภามีการทบทวนวินิจฉัยอีกครั้ง ตนจึงพยายามเทียบเคียงกับองค์กรอื่นที่มีอำนาจเด็ดขาดในลักษณะเดียวกัน ว่าถึงที่สุดก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้อย่างกรณีของศาล ดังนั้น ยืนยันว่าการเสนอนี้ สามารถเสนอได้อย่างแน่นอน สมาชิกของพรรคเพื่อไทย ก็ช่วยยืนยันอีกเสียงหนึ่ง
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ และน่าเสียดายที่การประชุมสภาต้องสิ้นสุด โดยที่ไม่มีข้อยุติอะไรเลย ทั้งที่ความเป็นจริงหากประธานรัฐสภายอมให้พิจารณาเรื่องนี้ ตนคิดว่าเต็มที่ 1 ชั่วโมงก็คงได้ข้อสรุป และจะไปสู่วาระในครั้งถัดๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี และแก้ไขมาตรา 272
“ซึ่งเรื่องที่น่าเสียดายที่สุด คือการแก้ไขมาตรา 272 ที่เป็นประตูทางออกของประเทศไม่ถูกพิจารณา วันนี้เราทราบตั้งแต่ต้นว่ามีการพยายามในการล้มการประชุม ถ้าไม่ได้นายวิโรจน์ช่วยกระตุ้น คงจะไม่มีการแห่เข้ามาประชุม แต่การใช้วิชามารแบบนี้ คำถามสำคัญคือ ประเทศได้อะไร” นายรังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการเสนอญัตติการแก้ไขมาตรา 272 ในการประชุมอีกครั้งหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ในการเปิดประชุมครั้งหน้าเรายืนยัน จะเสนอญัตตินี้อีก เพราะว่าตอนนี้ยังไม่ได้รับการพิจารณา ยังไม่ได้ตกไป ส่วนเรื่องมาตรา 272 เราเห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญหลายคนอาจจะมองว่าไม่สำคัญ เพราะเรากำลังเลือกนายกฯ กันอยู่แล้ว แต่เราไม่แน่ใจว่าสถานการณ์การเลือกนายกฯ จะยืดเยื้อไปถึงไหน อย่างน้อยวันนี้ก็ยืดเยื้อไปถึงกลางเดือนสิงหาคม อีกประมาณ 2 สัปดาห์ และถ้าวันนี้ได้มีการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมที่ยกเลิกมาตรา 272 ของพรรคก้าวไกล และถ้าผ่านวาระที่ 1 คาดว่าสิ้นเดือนนี้ก็ผ่านวาระที่ 3 ได้ ดังนั้นยังยืนยันว่า เรื่องนี้มีความสำคัญต่อสถานการณ์อยู่ และจะเป็นอีก มาตรการหนึ่งที่จะทำให้การเมืองไม่เดินไปสู่ทางตัน