สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเดินทางมาสู่พลิกผันหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเลื่อนการพิจารณารับ-ไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินปมไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยซ้ำชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยศาลกำหนดวันพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 16 สิงหาคม 66
การเลื่อนคำสั่งเพื่อพิจารณาคำร้องดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญที่ทอดเวลายาวนานเกือบสองสัปดาห์ส่งผลกระทบต่อเพื่อไทยโดยตรง โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลเชื่อว่าจะไม่ทันในเดือนสิงหาคมอย่างแน่นอน แม้ว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีอาจจะเสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคมก็ตาม แต่การได้มาของนายกรัฐมนตรียังมีขั้นตอนหลายอย่างที่ต้องใช้เวลาพอสมควร เช่น การโปรดเกล้านายกรัฐมนตรี ซึ่งนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาได้ยืนยันต่อ สส.และสว.ในสภาว่า การโปรดเกล้านายกรัฐมนตรีจะต้องสง่างามโดยต้องขจัดปัญหาความยุ่งยากต่างๆ ให้หมดสิ้นจึงจะทูลเกล้าเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี จึงทำน่าเชื่อว่า การจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยจะไม่มีทางเสร็จสิ้นก่อนเดือนสิงหาคมแน่นอน
ผลของการจัดตั้งรัฐบาลไม่ทันในเดือนสิงหาคมย่อมส่งผลให้รัฐบาลชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทยไม่สามารถเข้ามาบริหารประเทศได้ และที่สำคัญทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายสิงหาคม-กันยายน ตกอยู่ในอำนาจของรัฐบาลรักษาการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีอย่างชอบธรรม โดยเฉพาะการแต่งตั้งข้าราชการทหาร และตำรวจย่อมเป็นสิทธิขาดของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และประธาน ก.ตร.โดยตำแหน่ง ดังนั้นการจัดแถวกองทัพ และตำรวจในปีนี้จึงเป็นไปได้ว่า เด็กในสายของ บิ๊กตู่ และกลุ่มอำนาจเดิมจะเรียงหน้าขึ้นคุมอำนาจในกองทัพและสตช.แบบยกแผง
ที่สำคัญการเลื่อนพิจารณาคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ในทางการเมืองถือว่ารุนแรงที่สุด เพราะ ทำให้เพื่อไทยอยู่ในสภาพเดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังก็กระอักกระอ่วน โดยส่งผลถึงขั้นตอนการโหวตชื่อนายกรัฐมนตรีตัวจริงอย่างนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยในวันที่ 4 สิงหาคมก่อนจะมีการประกาศเลื่อนวันออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งว่ากันว่าก่อนหน้านี้เพื่อไทยได้ปูทางทุกอย่างไว้เรียบร้อย
ทั้งนี้หมากการเมืองของเพื่อไทยที่วางไว้มาจากกระแสข่าวดีลลับฮ่องกงที่สะพัดออกมาว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าได้ตกลงกับนายทักษิณ ชินวัตร ว่า ก้าวไกลจะยอมเป็นฝ่ายค้านและ ส.ส.151 เสียงจะโหวตนายกรัฐมนตรีให้นายเศรษฐา แต่ต้องไม่มีพรรคสองลุงทั้ง พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ขณะที่เพื่อไทยที่มีอยู่ 141 เสียงจะเดินเกมรวมกับพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาธิปัตย์ 19 เสียง ซึ่งจะทำให้เสียงเพียงพอ 375 โดยไม่ต้องสนใจเสียงของ สว.อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามดีลลับฮ่องกองยังมีข่าวสะพัดว่า หลังจากเกมโหวตนายกรัฐมนตรี เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศไปสักระยะ จากนั้นจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อดึงก้าวไกลกลับมาร่วมรัฐบาล โดยเขี่ยพรรคร่วมรัฐบาลเดิมทิ้งไป