รู้หรือไม่ โรค "เบาหวาน" เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคปริทันต์อักเสบสูงถึง 4.2 เท่า ความรุนแรงของโรคหนึ่งส่งผลให้อีกโรครุนแรงตามไปด้วย
ข่าวที่น่าสนใจ
นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึง โรค “เบาหวาน” กับโรคปริทันต์ มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกัน โดยในร่างกายเราจะมีฮอร์โมนชื่อว่า อินซูลิน คอยทำหน้าที่จับน้ำตาลในกระแสเลือดไปเป็นพลังงานให้แก่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ส่วนโรคปริทันต์อักเสบ สามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบทั่วทั้งระบบ ซึ่งการอักเสบนั้นก็จะไปรบกวนขบวนการควบคุมระดับน้ำตาลดังกล่าว
ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยเป็นโรคปริทันต์อักเสบรุนแรง จะมีผลให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการ ดื้ออินซูลินในคนปกติ และหากเป็นผู้ป่วยในกลุ่มของโรคเบา หวาน ก็จะส่งผลกระทบให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ยากขึ้น รวมถึงมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบา หวานได้มากขึ้นอีกด้วย
ด้านทันตแพทย์หญิง ดร.สุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคเหงือกกับโรคเบา หวาน สัมพันธ์และมีผลต่อกัน เพราะ ในทางกลับกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูงของผู้ป่วยเบา หวาน ก็ส่งผลต่อสภาวะโรคปริทันต์อักเสบได้เช่นกัน เนื่องจาก น้ำตาลในเลือดนั้น สามารถจับกับโปรตีนบางชนิดได้ถาวร ทำให้กระตุ้นการทำลายและยับยั้งการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้โรคปริทันต์อักเสบมีความรุนแรงขึ้น
โดยผู้ป่วยที่เป็นโรคเบา หวานจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคปริทันต์อักเสบถึง 4.2 เท่า หรืออาจกล่าวได้ว่า ความรุนแรงของโรคหนึ่งส่งผลให้อีกโรคหนึ่งรุนแรงตามไปด้วย ซึ่งควรใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายและสุขภาพช่องปากควบคู่กัน และเตรียมความพร้อมสำหรับการรักษาเป็นอย่างดี เพราะ สุขภาพช่องปากเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจดูแล และเป็นประตูนำไปสู่การมีสุขภาพร่างกายที่ดีด้วย
โรคปริทันต์หรือโรครำมะนาด เกิดจากอะไร
- เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์ ผลิตสารทำลายเนื้อเยื่อและกระดูกที่รองรับฟัน
- อีกทั้งแบคทีเรียเหล่านี้ยังก่อให้เกิดแผลในบริเวณพื้นผิวกว้างได้ถึง 5-20 ตารางเซนติเมตร
- ซึ่งเป็นช่องทางให้แบคทีเรียและ สารอักเสบต่าง ๆ เข้าไปสู่กระแสเลือดได้ และอาจเป็นสาเหตุการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย
- โดยการอักเสบเรื้อรังของโรคปริทันต์อักเสบ หรือโรคเหงือกนั้น อาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย ซึ่งในทางกลับกันในโรค เช่น โรคเบา หวานก็สามารถส่งผลกระทบถึงสุขภาพช่องปากได้เช่นกัน
ซึ่งในด้านการรักษาควรทำควบคู่กัน เพราะ ผู้ป่วยเบา หวาน ที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบและได้รับการรักษาจะช่วยให้การใช้อินซูลินในการควบคุมระดับน้ำตาลลดลง และในผู้ป่วยเบา หวาน ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในปริมาณที่ดี ความเสียงต่อการเป็นโรคปริทันต์อักเสบของผู้ป่วยเบา หวานนั้นก็จะไม่แตกต่างจากบุคคลทั่วไปที่ไม่เป็นโรคเบา หวานเลยเช่นกัน
ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคเบา หวาน ควรได้รับการตรวจสุขภาพช่องปาก และติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ หรือทุก ๆ 3 เดือน ซึ่งจะส่งผลให้มีสุขภาพช่องปากและสุขภาพร่างกายที่ดีอย่างไปพร้อมกัน
ข้อมูล : กรมการแพทย์
FIRSTER : 8.8 FIRSTER SUPER MOM
ลดสูงสุด 12% No Min
ลดสูงสุด 18% Min 5,000.-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง