“สว.กิตติศักดิ์” เชื่อนายกฯไม่ได้มาจากเพื่อไทย จี้ “เศรษฐา” ต้องเคลียร์ตัวเอง หลังถูกแฉปมซื้อที่ดิน

เมื่อถามว่าที่บอกว่าหนักใจ โฟกัสเรื่องประเด็นเรื่องอะไร นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า เรื่องที่ดินที่ภาษียังไม่ชัดเจน แต่เรื่องที่นายเรืองไกรมาร้องวันนี้จะได้รับการพิจารณาเร่งด่วนจากกรรมธิการการเมือง แล้วจะพิจารณาว่ากรรมาธิการพัฒนาการเมืองหรือคณะอื่นที่เกี่ยวข้องโดยตรงจะเป็นผู้รับไปพิจารณา

เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าแบบนี้เหมือนจะบอกกับพรรคเพื่อไทยว่าควรเสนอคนอื่นที่ไม่ใช่นายเศรษฐาหรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่อำนาจของสว.ที่จะไปปฏิบัติเช่นนั้น กิตติศักดิ์เรียนมาตลอดว่าการจัดตั้งรัฐบาลนั้นเป็นเรื่องพรรคการเมืองและสส.ส่วนสว.วิพากษ์วิจารณ์ตามคณะที่สังกัดอยู่ก็คือพัฒนาการเมือง ดังนั้น สว.จะไม่มีหน้าที่ไปก้าวก่าย ชี้ให้คนนู้นเอา คนนี้ไม่เอา ซึ่งไม่ใช่

เมื่อถามว่า ประชาชนเขาตั้งคำถามว่าการโหวตเลือกนายกฯจะนานเกินไปแล้วสว.จะปล่อยให้เลือกแคนดิเดตนายกฯผ่านไปก่อน แล้วก็ให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายภายหลังเหมือนกับที่นายเรืองไกรบอกว่าถ้าได้เป็นนายกฯแล้วค่อยไปสอยทีหลัง นายกิติศักดิ์ กล่าวว่า “บ้านเมืองโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีไม่ใช่จะทดลองได้ ประเทศไทยไม่ใช่บริษัทหรือไม่ใช่เล่นขายของ ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะต้องนำพาคนไทยเกือบ 70 ล้านคน ดังนั้น ผู้ที่มาอยู่ตรงนี้ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างดีที่สุด แน่นอนว่า คนไม่ใช่ดี100% ไม่ใช่ชั่ว100% แต่คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างน้อยต้องมีความใสสะอาด และจริยธรรมถือเป็นเรื่องสำคัญมากอันดับต้นๆ”

เมื่อถามถึงกรณีการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 จะเป็นการรับหลักการหรือไม่รับหลักการ หรืองดออกเสียง นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ได้คุยกันงดออกเสียงน่าจะน้อย มีแต่เห็นชอบกับไม่เห็นชอบเท่านั้น แต่ครั้งนี้ได้นายกรัฐมนตรีแน่ๆแต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร บ้านเมืองปล่อยให้ช้าไปกว่านี้ไม่ได้ ต้องได้ยายกฯต้องได้รัฐบาลโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามย้ำว่าจะได้นายกฯ ในการโหวตครั้งที่ 3 เลยใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองไม่อาจทำนายอย่างนั้น แต่ถ้ายังเป็นนายเศรษฐา โดยเฉพาะสว.ก็น่าหนักใจแทน

ส่วนจะมีนายกฯคนนอกหรือไม่ นายกิติศักดิ์ ระบุว่า ตนยืนยันว่าไม่ถึงนายกคนนอก แต่ขอเป็นหมอเดาแล้วกัน นายกฯไม่น่าจะมาจากพรรคเพื่อไทยถ้าผิดก็หน้าแตกไป

“ถ้าจำไม่ผิดกิตติศักดิ์โยนหินมาก่อนแล้วว่าพรรคเพื่อไทยไม่น่าจะได้นายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลต่างๆ เพราะฉะนั้นถ้าพรรคที่ 2 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็เป็นหน้าที่ของพรรคที่ 3 แล้วก็พูดไปแล้วเดาว่าต้องมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ”

เมื่อถามว่าตอนนี้มีกระแสข่าวที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์ เพื่อแก้ปัญหารัฐธรรมนูญ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า หากไม่มีพรรคก้าวไกล ก็จะอยู่ที่พรรคการเมืองไปรวมกันจะได้จำนวน 300 กว่าก็จะเป็นรัฐบาลที่มีเสียงจำนวนมากและสามารถปฎิบัติหน้าที่ได้อีกระยะหนึ่งแต่คงไม่ครบ4 ปี จุดประสงค์ของรัฐบาลใหม่คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากมีการรวมกันการปรองดองเรื่องนี้สว.ไม่ก้าวก่ายและยินดีที่จะได้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด