เรื่องนี้ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเลย ตนได้รับเอกสารข้อหารือลงวันที่ 9 มี.ค.58 ระหว่างกรมที่ดินกับกรมสรรพากรกรณีนี้ ซึ่งมีข้อสรุปออกมาเป็นไปตามคำสั่งกรมสรรพากรข้างต้น ดังนั้น การกล่าวหาว่านายเศรษฐารู้เห็นเป็นใจ หรือสมคบกับผู้ขายในการหลีกเลี่ยงภาษี มีเจตนากลั่นแกล้งและหวังผลทางการเมืองต่อตัวนายเศรษฐา
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่กล่าวหาว่านายเศรษฐาไม่ซื่อสัตย์ กระทำผิดกฎหมาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินทอนในการซื้อขายที่ดินแปลงนี้โดยนายชูวิทย์อ้างถึงราคาที่ดินตารางวาละเกือบ 4 ล้านบาทนั้น ข้อเท็จจริงราคาที่ดินบริเวณดังกล่าวที่บ.แสนสิริซื้อจากเอกชนนั้น ตั้งอยู่ที่ถ.สารสิน ตรงข้ามกับสวนลุมพินี เป็นทำเลทอง ซึ่งเป็นไปตามราคาตลาด นักธุรกิจที่อยู่ในแวดวงอสังหาฯ รู้ว่าเป็นราคาปกติ
เมื่อเปรียบเทียบกับที่ดินของนายชูวิทย์ ที่ขายในเดือนเดียวกันให้แก่บ.ไรมอนแลนด์ บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่นายชูวิทย์อ้างผ่านสื่อว่าขายไป 2000 ล้านบาท ราคาตารางวาละเกือบ 3.6 ล้านบาท ทั้งที่ที่ดินนายชูวิทย์ อยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ที่ดินของนายชูวิทย์ก็ราคาไม่ต่างกับราคาที่บ.แสนสิริซื้อ ฉะนั้น ข้อกล่าวหาใดๆทั้งหมดที่นายชูวิทย์ได้แถลงมา จึงน่าจะเป็นความเท็จ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตนขอยืนยันว่านายเศรษฐาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ทำผิดจริยธรรมตามที่นายชูวิทย์กล่าวอ้างแต่อย่างใด
ขอตั้งข้อสังเกตถึงพฤติกรรมของนายชูวิทย์ ที่ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีความเจ็บแค้น ไม่มีปัญหา และไม่ได้ขายที่ดินของนายชูวิทย์ ให้บ.แสนสิริ รวมถึงไม่มีวาระซ่อนเร้นใดๆนั้น นายชูวิทย์อาจความจำสั้น วันนี้ผมจะมาจับโกหกนายชูวิทย์ ซึ่งผมมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายว่านายชูวิทย์ เคยไปพบผู้บริหารบ.แสนสิริ พร้อมนายเศรษฐา เมื่อวันที่ 8 ก.ย.65 ภาพจากกล้องวงจรปิดก็มี เพื่อเสนอขายที่ดินแปลงของตนเองให้บ.แสนสิริ
แต่ท้ายที่สุดทางแสนสิริปฏิเสธซื้อที่ดินของนายชูวิทย์ เป็นเหตุให้นายชูวิทย์โกรธ และดำเนินการในลักษณะนี้ใช่หรือไม่ ถามว่าจริงหรือไม่ที่ก่อนที่นายชูวิทย์จะมาแถลงข่าว ได้พยายามเสนอขายที่ดินให้บ.แสนสิริอีกครั้งหนึ่งโดยเสนอราคาเพิ่มเป็น 2000 ล้านบาทแต่ถูกปฏิเสธอีกครั้ง เรื่องนี้คือประเด็นที่ทำให้นายชูวิทย์ไม่พอใจใช่หรือไม่
“ภาพทั้งหมดเกิดขึ้นที่บ.แสนสิริ เท่าที่ผมทราบนายชูวิทย์ ไม่ได้มีความสนิทสนมกับนายเศรษฐาถึงขนาดเข้าไปเยี่ยมกันถึงที่บริษัทได้ แต่ในภาพกลับจับมือ ดูสนิทสนม นี่คือพฤติกรรมของนายชูวิทย์ที่ตรงข้ามกับคำพูดที่ว่าแฉเพื่อชาติ” นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนอยากถามว่าวันนี้นายชูวิทย์ แฉเพื่อใครกันแน่ นายชูวิทย์ในฐานะที่เป็นคนมีความกว้างขวาง มีเพื่อนอยู่ทั้งในวงการทหาร และนักการเมือง ใครๆ ก็รู้ว่านายชูวิทย์ สนิทกับใคร ผู้มีอำนาจกลุ่มไหน อยากถามว่าที่นายชูวิทย์ ออกมาเป็นหัวขบวนเปิดเกมเขี่ยบอลสาดโคลนเป็นคนแรก เพื่อดิสเคดิตนายเศรษฐา ก่อนการโหวตนายกฯ เพียงไม่กี่วันว่าไม่มีความเหมาะสม
เมื่อถามว่า เป้าหมายของนายชูวิทย์เพื่อทำให้นายเศรษฐาขาดคุณสมบัติ ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 160(4) เรื่องจริยธรรม ถามว่านายชูวิทย์รับงานใครมา หวังผลทางการเมืองเพื่อให้ใครกลับมาเป็นนายกฯ อีกหรือไม่ นี่เป็นคำถามให้นายชูวิทย์ต้องตอบ
นายชูวิทย์กล่าวหา นายเศรษฐาว่ามีพฤติกรรมอำพราง แต่ตนเห็นว่าคนที่มีพฤติกรรมอำพรางน่าจะเป็นนายชูวิทย์มากกว่า เพราะเวลานี้มีประเด็นที่ กทม.ร่วมกับอัยการต้องมานั่งประชุมกันในสิ่งที่นายชูวิทย์อำพรางไว้กรณีที่จะต้องติดคุก 5 ปี แลกกับการยกที่ดินเป็นสวนสาธารณะ แต่นายชูวิทย์กลับสู้กับ กทม.และอัยการว่าเป็นที่ของบริษัท ตัวเองจะไปยกให้สาธารณะได้อย่างไร และยังเสียภาษีอยู่ตลอด แถมกำหนดเวลาเปิด-ปิดสวนจน กทม.เข้าไปดำเนินการอะไรไม่ได้เลย
ขอถามว่าใครมีพฤติกรรมอำพรางกันแน่ สังคมสงสัยว่านายชูวิทย์ ลักษณะน่าจะเป็นโมฆะบุรุษใช่หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว นายพร้อมพงศ์ได้เรียกพนักงานจัดส่งเอกสาร ส่งภาพวันที่นายชูวิทย์ เข้าเจรจาขายที่ดินต่อบ.แสนสิริ ซึ่งขณะนั้นมีนายเศรษฐา เป็นประธาน เป็นภาพที่ทั้ง 2 จับมือกันอย่างชื่นมื่น ไปให้นายชูวิทย์ถึงที่รร.เดวิสเพื่อทวนความจำของนายชูวิทย์ด้วย