“เมนู อดีตสมาชิกทะลุวัง” แฉวีรกรรม “บุ้ง” ตอกย้ำหลอกใช้เยาวชนเคลื่อนไหวการเมือง ดึงสติลูกก๊วนรีบตาสว่าง

ล่าสุด เมนู หรือ สุพิชฌาย์ ชัยลอม อดีตสมาชิกทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีม.112 ซึ่งปัจจุบันลี้ภัยไปแคนาดา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Melinn Supitcha ว่า เราเป็นคู่กรณีโดยตรงกับทะลุวัง โดยเฉพาะบุ้ง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราไม่สามารถเป็นกลางได้ เพราะเราเป็นพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ของพลอยและคนอื่นๆ รับรู้และกลายเป็นเหยื่อกับความรุนแรงนั้นในช่วงที่เคลื่อนไหวร่วมกับทะลุวังเช่นกัน จนสุขภาพจิตเราย่ำแย่ ต้องพูดคุยกับนักจิตบำบัด เข้าวงบำบัดเพื่อเยียวยาตัวเอง

แต่ เราขอแสดงความคิดเห็นในฐานะของคนที่อยากให้เป้าหมายในการเรียกร้องทางการเมือง ด้านสิทธิมนุษยน ความเท่าเทียมที่เราทำมาตลอดตั้งแต่วันที่ออกมาเคลื่อนไหวครั้งแรกจนเป็นไวรัล ทุกคนควรหยุด พัก หายใจเข้าออกลึกๆ เลิกปิดบังตนเองด้วยมายาคติว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยต้องขาวสะอาด ไม่มีด้านชั่วร้าย

แกนนำ นักกิจกรรม มวลชนอิสระ คนที่ออกมาประท้วงก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ไม่ได้มีแค่ด้านดำด้านขาว ความดีกับความชั่ว ทุกคนมีความรู้สึก มีความผิดพลาด มีเรื่องดี เรื่องแย่ในตัวเอง แล้วจะกลัวว่าจะถูกทำให้เสียภาพลักษณ์ทำไมในเมื่อเราทุกคนต่างต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน สิทธิพลเมือง นักกิจกรรมไม่ใช่ฮีโร่ หยุดเชิดชูบูชาตัวบุคคล ทุกคนที่ออกมาเรียกร้องประเด็นต่างๆ ทุกคนออกมาด้วยความกล้าหาญที่จะยืนหยัด ต้องเจอแรงกระแทก ต้องเจอการถูกคุกคาม ต้องเจอการโจมตีจากคนไม่เห็นด้วย ต้องเจอความรุนแรงตลอดเวลา ยอมรับออกมาเถอะว่าเราไม่เคยเยียวยาเรื่องนี้กันเลย บาดแผลมีแต่ลึกเข้าไปทุกวัน จนพื้นที่ของการเรียกร้องหรือสิ่งที่พวกเราเรียกกันว่าขบวนประชาธิปไตยกลายเป็นพื้นที่ความรุนแรง ที่เอาแต่สาดความรุนแรงโต้กลับไปมา ปิดหูปิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น สร้างพรรคพวก สร้างข่าวโจมตีไปมา

เราจะปล่อยเรื่องพวกนี้ให้ผ่านไปเฉยๆ ปล่อยเบลอปิดข่าวให้เงียบเพื่อจะได้ไม่ถูกคนมาด้อยค่าการต่อสู้ หรือจะหยิบมาวิพากษ์วิจารณ์แล้วสร้างความตระหนักรู้ หรือจะเอามาเป็นบทเรียนให้กับสังคม แล้วเรียกร้องยืนหยัดในประเด็นเยาวชนต่อไป เราอยากได้สังคมแบบไหนกันอะ จะเอาแค่ประชาธิปไตยหรอ สังคมที่เราอยากได้มันไม่ได้มีแค่นั้น เราอยากเห็นปลายทางที่ระหว่างทางทุกคนร่วมมือกัน สนับสนุนกัน ไม่ใช่สาดแต่ความรุนแรง ทุกคนเลือกได้และเราไม่ขอเลือกที่จะเมินเฉย

ประเด็นที่เกิดขึ้นในตอนนี้ คือ การหลอกล่อเยาวชนให้ทำตามที่ตนต้องการ, การใช้ความรุนแรงกับเยาวชน และการบังคับเยาวชนให้สนองผลประโยชน์ตัวเอง มันทำลายชีวิตเยาวชนคนหนึ่งได้เลยนะ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือมีพยานมากมาย รวมทั้งคนอื่นๆที่เคยถูกใช้คำพูดจารุนแรงจากคนๆนี้อีก

ถึงเวลาที่พวกเราควรมาถกเถียงและให้ความสำคัญกับเยาวชนในการแสดงออกทางการเมืองมากกว่านี้ เยาวชนทุกคนมีปัญญา มีอุดมการณ์ มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่เยาวชนไม่ใช่เครื่องมือหาผลประโยชน์จากใครทั้งนั้น การเคารพและให้เกียรติเยาวชนในฐานะมนุษย์คนหนึ่งต้องไม่ใช่การยุยงปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังให้แตกหักกับใคร ไม่อย่างงั้นพวกเราคงไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่ถูกกล่าวโดยฝั่งตรงข้ามมาตลอดเลย