“รศ.หริรักษ์” ย้อนเจ็บ “บุ้ง ทะลุวัง” แถวหน้าด้อมส้ม มีความรู้ทางการเมืองจำกัด ตอกย้ำพฤติกรรมยกก๊วน

"รศ.หริรักษ์" ย้อนเจ็บ "บุ้ง ทะลุวัง" แถวหน้าด้อมส้ม มีความรู้ทางการเมืองจำกัด ตอกย้ำพฤติกรรมยกก๊วน

วันที่ 11ส.ค.2566 – รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้

เมื่อ “บุ้ง” กลุ่มทะลุวังเผชิญหน้ากับคุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีข้อน่าสังเกต 2 ประการคือ

1.คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และยังรักษาการตำแหน่งนี้อยู่ในปัจจุบัน และเป็นรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่บุ้งไม่รู้จักว่าเป็นใคร

2. เมื่อรู้ว่าคุณพิพัฒน์ สังกัดพรรคภูมิใจไทย สิ่งที่แรกเข้ามาในสมองของบุ้งก็คือ กระทรวงสาธารณสุข และโควิด จึงได้คาดคั้นถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาว่า รู้หรือไม่ว่า มีผู้เสียชีวิตเพราะโควิดกี่คน ซึ่งคุณพิพัฒน์ก็บอกว่า ไม่รู้ บุ้งจึงบอกตัวเลขผู้เสียชีวิต และเรียกคุณพิพัฒน์ดังๆว่า “ฆาตกรโควิด”

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร" ซัด "ทักษิณ" แก้ตัวหลังรัฐฉีดวัคซีนได้ครบ 100

ข่าวที่น่าสนใจ

ไม่ว่าจะบอกว่า บุ้ง เรียนเก่งอย่างไร แต่เป็นที่แน่ชัดว่า ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองของบุ้งมีจำกัด มิฉะนั้นด้วยความที่ว่ากันว่า บุ้ง เป็นเด็กฉลาด ไม่ควรจะโจมตีพรรคภูมิใจไทยเรื่องโควิด และต้องไม่นำเรื่องจำนวนผู้เสียชีวิตมาโจมตี เพราะจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดของประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่มีน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และหากจะโจมตีเรื่องโควิดก็น่าจะตั้งคำถามเรื่องการจัดซื้อวัคซีนมากกว่า ว่ามีการทุจริตกันหรือไม่

นี่ขนาด บุ้ง ซึ่งต้องถือว่าอยู่แถวหน้าของบรรดาด้อมส้ม ยังมีข้อมูลทางการเมืองเท่านี้ คนอื่นๆยิ่งไม่ต้องพูดถึง ดังนั้นจึงน่าจะอนุมานได้ว่า สาวกของพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า คงจะมีข้อมูล ความรู้ กระบวนคิด และความเชื่อเท่าที่ได้รับการถ่ายทอดให้เท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า สาวกเหล่านี้จึงมีตรรกะและพฤติกรรมคล้ายกันหมด ที่ยังแปลกใจอยู่ก็คือ เหตุใดสาวก 3 นิ้วส่วนใหญ่จึง เอาแต่ใจตัวเอง พูดจาหยาบคาย มีอารมณ์แปรปรวน ถ่อยเถื่อน ชอบใช้ความรุนแรง ชอบทำผิดกฎหมาย เช่นทำลายทรัพย์สินของราชการแต่อ้างว่าเป็นเสรีภาพ

เมื่อพูดถึงข้อมูลทางการเมือง ก็อยากจะเล่าถึงครอบครัวใหญ่ที่เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกันครอบครัวหนึ่ง ทุกคนมีการศึกษาดี สมาชิกของครอบครัวที่อยู่ในวัยที่มีสิทธิ์เลือกตั้งมีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป เมื่อพูดคุยเรื่องการเมืองกันแล้วจึงทราบว่า ส่วนใหญ่ติดตามข่าวการเมืองน้อยมาก ไม่ค่อยจะทราบว่าใครเป็นใครในแวดวงการเมือง ไม่เคยได้อ่านนโยบายของพรรคการเมืองใดๆ ที่ไม่น่าเชื่อคือ ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าพรรคก้าวไกลมีท่าทีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร ไม่ทราบว่าพรรคก้าวไกลมีความมุ่งมั่นที่จะยกเลิก ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยิ่งไม่ทราบว่า เนื้อหาที่ต้องการแก้ไขมาตรา 112 เป็นอย่างไร เมื่อถึงวันเลือกตั้ง สมาชิกในครอบครัวเกือบทั้งหมดเลือกพรรคก้าวไกล

คำถามจึงมีว่า ผู้ที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในบ้านเรา มีกี่เปอร์เซ็นต์ที่มีข้อมูลที่พร้อมพอ และถูกต้องพอที่จะไปลงคะแนนเลือกตั้งได้อย่างสมเหตุสมผล ไม่ใช่เลือกเพราะเห็นคนอื่นๆเขาเลือกกัน ซึ่งเชื่อได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับระดับการศึกษา สมมติว่าคนส่วนใหญ่ที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่มีข้อมูลพอที่จะเลือกคนหรือเลือกพรรคการเมืองได้อย่างสมเหตุสมผล จะโทษว่าคนไทยยังไม่พร้อมก็ไม่ได้ เนื่องจากระบอบประชาธิปไตยแบบของบ้านเรามีอายุถึง 91ปีแล้ว ถ้าขณะนี้คนไทยยังไม่พร้อมก็คงไม่มีทางจะพร้อมได้แล้ว ก็แสดงว่าระบอบประชาธิปไตยแบบที่เป็นอยู่ในขณะนี้ไม่น่าจะเหมาะกับประเทศเราเสียแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น