การบินไทยโกยกำไรไตรมาส 2 สูงสุดรอบ 20 ปี ออกจากแผนฟื้นฟูฯเร็วกว่าแผน

การบินไทย เปิดกำไรไตรมาส 2 สูงสุดในรอบ 20 ปี กว่า 8.5 พันล้านบาท คาดออกจากแผนฟื้นฟูได้ในไตรมาส 3 ปี 2567 เร็วกว่าแผนเดิม เตรียมจ้างงานเพิ่มเป็น 1.7 หมื่นคนภายในปีนี้ เพื่อรองรับการขยายฝูงบิน

วันนี้ (11 ส.ค.66) นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ประจำปี 2566 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 37,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 73% แต่ลดลง 9.9% จากไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งเป็นไปตามปกติของธุรกิจที่ไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่มีผู้โดยสารเดินทางต่ำที่สุดในช่วงปี โดยได้เพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางที่เป็นที่นิยม อาทิ ญี่ปุ่นและจีน มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 3.35 ล้านคน อัตราการบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 79.2%

 

 

 

บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 8,576 ล้านบาท ดีกว่าไตรมาส 2 ปี 2565 ที่ขาดทุน 1,299 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 ของปี 2566 นี้เป็นไตรมาส 2 ที่บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานสูงสุดในรอบ 20 ปี โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 2,273 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อน ขาดทุน 3,213 ล้านบาท ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนของการบินไทย มีกำไรสุทธิ 2,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 173% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ข่าวที่น่าสนใจ

 

สำหรับ 6 เดือนแรกปี 2566 การบินไทยและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 78,889 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 21,069 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 584% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 14,795 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 329% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 6,457 ล้านบาท

บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีเครื่องบินที่ใช้ทำการบินทั้งสิ้น 67 ลำ ประกอบด้วยเครื่องบินลำตัวแคบ 20 ลำ และเครื่องบินลำตัวกว้าง 47 ลำ

นายชาย ระบุว่า ในส่วนของบริษัท การมีกำไรเพิ่มขึ้น 4 ไตรมาสติดต่อกัน แสดงถึงความสามารถในการปรับตัวของบริษัททั้งด้านต้นทุน ดิจิทัลกระบวนการทำงาน และการปรับโครงสร้างหนี้ต่าง ๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วนเป็นอย่างดี รวมถึงลูกค้ายังให้ความมั่นใจในการให้บริการทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้หาก Demand Supply มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะออกจากแผนฟื้นฟูได้ไม่เกินปี 2567

นายชาย ระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทได้ดำเนินงานตามแผนงานที่วางไว้ และมากว่าผลการดำเนินงานในช่วงก่อนๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่บริษัทจะนำมาพิจารณาร่วม จากแผนเดิมที่บริษัทจะออกจากแผนฟื้นฟูในช่วงปลายปี 2567 เเละจะกลับเข้าสู่การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 ทั้งนี้ หากผลการดำเนินงานยังอยู่ในระดับปัจจุบันคาดว่า การบินไทยจะออกจากแผนฟื้นฟูได้เร็วมากกว่าเดิมประมาณ 1 ไตรมาส มาเป็นไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 เพราะจะต้องมั่นใจว่าหากบริษัทได้ดำเนินการตามแผนแล้วโดยการเพิ่มทุนของบริษัท ก็มีส่วนต่อความมั่นใจของนักลงทุนและผู้ถือหุ้นเดิมและประสบความสำเร็จต่อการเพิ่มทุนของบริษัท โดยสถานะทางเงินของบริษัทจะต้องมั่นคงเพื่อสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นกับบริษัทจึงจะยื่นเรื่องเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทได้ออกจากแผนฟื้นฟู บริษัทจะมีระยะเวลาที่จะยื่นไฟลิ่งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้ โดยถ้าผลการดำนินงานเป็นไปในแนวโน้มแบบนี้ คาดว่าจะยื่นกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เกินสิ้นปี 67

 

 

ณ สิ้นงวด มิ.ย.66 บริษัทมีกระแสเงินสด 51,153 ล้านบาท โดยมีแผนจะนำส่วนหนี้เริ่มทยอยใช้หนี้ตามแผน 1.3 แสนล้านบาท เริ่มจ่ายหนี้ ปี 67 โดยใน 3 ปีแรกจะจ่ายปีละ 1 หมื่นล้านบาท จนถึงปี 74 พร้อมเดินหน้าดำเนินการตามแผนฟื้นฟู จากการแปลงหนี้เป็นทุนที่มีการเพิ่มทุนรอบแรก และการเพิ่มทุนรอบสองที่คาดว่าจะระดมเงินไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท

 

 

 

 

นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO)ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีมูลค่าลงทุน 7-8 พันล้านบาท โดยเตรียม Business Model คาดใช้เวลา 3-4 เดือน และอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรหลายรายในการร่วมลงทุน

 

ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ มองว่า ยังไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อการจองเที่ยวบิน เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีความคุ้นเคยกับสถานการณ์ และส่วนใหญ่มาผ่านกรุงเทพฯ และต่อไปยังจุดหมายปลายทางอย่าง เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ส่วนกรณีที่กรมสรรพสามิตกลับมาจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินไอพ่น อัตรา 4.726 บาทต่อลิตร เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา นั้นส่งผลต่อเส้นทางบินในประเทศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งได้มีหารือสมาคมสายการบิน เพื่อปรับกลยุทธ์ด้านราคาให้สอดคล้องกัน

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการแข่งขันมีความเข้มข้นต่อเนื่อง จึงต้องขยายเครือข่ายพันธมิตรด้านการบิน เพื่อหารายได้เพิ่ม ขณะที่การปรับโครงสร้างการบินไทยและไทยสมายล์ ทำให้การขายต่างประเทศเชื่อมต่อมายังไทย อาเซียน อินโดนีเซีย และจีน ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมยังเป็นไปตามแผน พร้อมคาดว่าปีนี้จะมีผู้โดยสารรวม 9 ล้านคน เป็นไปตามเป้าหมาย จากครึ่งปีแรกที่มีจำนวน 6.87 ล้านคน

 

นายชาย ระบุว่า ในส่วนของการจ้างพนักงานของการบินไทย ขณะนี้ยังไม่ใกล้เคียงช่วงก่อนที่บริษัทจะเข้าสู่เเผนฟื้นฟู รวมถึงไม่มีแนวความคิดที่จะรับพนักงานให้ใกล้เคียงกับจำนวนเดิม เพื่อไม่ให้สถานการณ์ของบริษัทกลับไปในรูปแบบเดิม โดยขณะนี้บริษัทมีพนักงานอยู่ที่ 1.5 หมื่นคน และเพิ่มเป็น 1.7 หมื่นคนภายในปีนี้ เพื่อรองรับการขยายฝูงบิน ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มีการจ้างพนักงานในส่วนของลูกเรือ และ outsource ทั้งช่าง พนักงานภาคพื้นดิน รวมถึงผู้ให้บริการภาคพื้นและ พนักงานแบ็คออฟฟิศในตำแหน่งที่ขาดอยู่ ซึ่งการเปิดรับพนักงานของบริษัท ค่อนข้างได้รับความสนใจจากภาคแรงงานจำนวนมาก สะท้อนความมั่นใจในตัวบริษัท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น