วัดพลัง 4 แคนดิเดต พิทักษ์ 1 จับตา “โจ๊ก – ต่อ” ใครผงาด?

ลุ้นตัวโก่ง กับโฉมหน้า “พิทักษ์1”​ คนที่ 14 จับตา “บิ๊กโจ๊ก” ผงาด เพราะคุณสมบัติ เด็ดขาด ความสามารถทุกคนยอมรับ ซึ่งถ้าเป็นจริง บิ๊กโจ๊ก จะครองเก้าอี้ยาวถึง 8 ปี ในขณะที่ “บิ๊กต่อ” ก็จัดว่าเป็น “ตำรวจผู้ทรงพลังรอบด้าน” ผลงานที่ผ่านมาถึงจะไม่หวือหวา แต่ชนะใจประชาชน เหลืออายุราชการอีกเพียง 1 ปี เท่านั้น

ก่อนที่  “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่จะเกษียณอายุราชการปลายเดือน ก.ย.นี้  หลายคนใจจดใจจ่อรอคอย ที่จะเห็นโฉมหน้า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ “คนที่ 14” และครั้งนี้ เป็นปีแรก ที่มีการเปลี่ยน “กฎเหล็ก” จากเดิม นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้คัดเลือกรายชื่อ รอง ผบ.ตร.นำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายตํารวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เห็นชอบ แต่กฎเหล็กใหม่ ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ระบุให้ “นายกรัฐมนตรี” คัดเลือกข้าราชการตำรวจในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.โดยคำนึงอาวุโส ความรู้ความสามารถประกอบ โดยเฉพาะประสบการณ์งานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปราม จากนั้นนำรายชื่อเสนอต่อ คณะกรรมการข้าราชการตํารวจ (ก.ตร.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ แล้วนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง

ส่วนขั้นตอนการนำเสนอชื่อต่อ ก.ตร. จะมีเพียง ก.ตร.มาจากแต่งตั้งที่เป็นอดีตตำรวจ 3 ราย ประกอบด้วย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก , พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ , พล.ต.อ.วินัย ทองสอง และผู้ทรงคุณวุฒิอีก 3 ราย และสำหรับ รองผบ.ตร. 4 แคนดิเดต ที่ถูกคาดการณ์ 1 ในนี้จะเป็นผู้รับไม้ต่อ นามเรียกขาน “พิทักษ์ 1”

1.พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 เกษียณอายุราชการปี 2567

“รองฯรอย” นักเรียนเตรียมทหารรุ่น24 นายร้อยตำรวจรุ่น 40 เกษียณอายุราชการปี 2567 ในรอบปี มีผลงานโดดเด่นจากการรับผิดชอบหน้าที่ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) ภารกิจหลักดูแลความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ปี 2562 และปี 2565 และการได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลรักษาความปลอดภัยภารกิจ การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 Thailand. พร้อมกันนี้ ยังดำรงตำแหน่ง ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ(ศปอส.ตร.) หรือ PCT นำทีมปราบปรามภัยทางออนไลน์ที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน รวมทั้งรับผิดชอบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง (ศตปค.ตร.) , ศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) และศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) (ศบตอ.ตร.)

ในขณะเดียวกัน “รองฯรอย” ยังทำงานระดับ ตร. ทุกหน้างาน ทั้งงานปราบปราม,งานสืบสวน,และงานความมั่นคง จนแวดวงสีกากีต่างยอมรับ อีกทั้งมีวิสัยทัศน์ทันสมัย ใส่ใจในเรื่องการพัฒนาระบบ นำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน และได้รับมอบหมายให้เป็น รอง ผอ.ศูนย์ตรวจสอบการกระทำผิดต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของรัฐ ได้รับมอบวางแนวทางการปฏิบัติงานของงานป้องกันปราบปรามในการระงับเหตุจนลดการสูญเสียกำลังพล ตลอดจนเคยดำรงตำแหน่ง ผอ.ศูนย์ปราบปรามค้ามนุษย์  ห้วงปี 2564-2565 วางแนวทางการปฏิบัติจนทำให้ปรับระดับเทียร์(Tier )ดีขึ้น อีกทั้งวางระบบการประสานงานยุติธรรม ทำให้คดีสั่งไม่ฟ้องเป็นศูนย์ (0) ด้านงานปราบปรามยาเสพติดเป็น ผอ.ศูนย์ยาเสพติด ตร. ปี 2564-2565 จับกุมและเน้นการยึดทรัพย์จนบรรลุเป้าหมายของรัฐบาล อีกทั้ง “รองฯรอย” ยังเป็นผู้ริเริ่มเสนอแนวคิด“เครื่องแบบสนาม”สำหรับข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่งานป้องกันปราบปรามที่ใช้ในปัจจุบัน

 

2.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 47 เกษียณอายุราชการปี 2574

“บิ๊กโจ๊ก” นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 31 นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 47 พ่วงปริญญาโท สังคมศาสตรมหาบัณฑิตสาขาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม จากมหาวิทยาลัยมหิดล , ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย และปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาอาชญาวิทยามหาวิทยาลัยมหิดล

ผลงานโดดเด่นเฉพาะรอบปีที่ผ่านมา คือการนำทีมปิดคดีสำคัญหลายคดี อาทิ คดีแอม ไซยาไนด์ , คดีคนไทยรับจ้างอุ้มบุญ , คดีมูลนิธิคุ้มครองเด็ก “บ้านครูยุ่น” ทำร้ายเด็ก-บังคับไปทำงานรีสอร์ท , ทลายเครือข่ายขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน , คดีทุนจีน รวมถึงการปราบปรามปัญหาบุกรุกที่ดินเกาะหลีเป๊ะ นอกจากนี้ “บิ๊กโจ๊ก” ถือเป็นหนึ่งนายตำรวจที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสนองนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะการปราบปรามการค้ามนุษย์ จากการสวมหมวกผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และปราบปรามการค้ามนุษย์ (ศพดส.ตร.) โชว์ผลงาน ขยับสถานการณ์ค้ามนุษย์ประเทศไทยขึ้นสู่เทียร์ 2 อีกทั้ง “บิ๊กโจ๊ก”​ ยังเป็นผู้ผลักดันการแก้ประวัติอาชญากร ปรับปรุงระเบียบ ตร. ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี พิมพ์ลายนิ้วมือ พ.ศ. 2566

 

ข่าวที่น่าสนใจ

3.พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 41เกษียณอายุราชการปี 2569

“รองฯต่าย” นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41 นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 ผ่านมาหลายตำแหน่ง และถูกวางตัวให้รับผิดชอบงานนโยบายสำคัญหลายอย่าง อาทิ การทำหน้าที่หัวหน้าคณะทำงานศึกษาการขับเคลื่อนองค์กร ทั้งการแบ่งลำดับความเร่งด่วนของงาน การจัดสรรอัตรา วางตำแหน่งของกำลังพล เข้ากลุ่มงาน หรือ ยุบสายงาน ให้สอดคล้องตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯฉบับใหม่

เมื่อตอนดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้รับความไว้วางใจให้เป็นหัวหน้าคณะทำงาน สื่อ-สร้าง-สาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มุ่งประชาสัมพันธ์เผยแพร่การปฏิบัติหน้าที่ตำรวจที่ถูกต้อง-รวดเร็ว-ทันเหตุการณ์-มีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับตอนคุมพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ได้รับมอบภารกิจเป็น“ผู้บัญชาการเหตุการณ์”ปิดล้อมกดดันอดีตทหารเกณฑ์หน่วยรบพิเศษค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี สติแตกไล่ฆ่า 2 ศพ หนีข้ามจังหวัดไปกบดานที่บ้านต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง

 

 

4.พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล นายร้อยอบรม เกษียณอายุราชการปี 2567

“รองฯต่อ” ดีกรีปริญญาตรีรัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สิงห์แดงรุ่น 38 ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณทิต จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม เข้าอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมผู้มีวุฒิ ทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4

ฝีมือและผลงานถือเป็นหนึ่งนายตำรวจที่ให้ความสำคัญในแง่การพัฒนาบุคลากร อาทิ จัดฝึกอบรม “แอคทีฟ ชูตเตอร์” ให้ความรู้ตำรวจทั้งสายงานปราบปราม–หน่วยปฎิบัติการพิเศษ เกี่ยวกับการเข้าระงับเหตุ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรับมือเหตุเฉพาะหน้า โดยเฉพาะเหตุกราดยิง ควบคู่กับการต่อยอดความรู้ไปยังสถานศึกษา และหน่วยงานอื่น กลายเป็นหลักสูตรที่รู้จักแพร่หลาย

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้จุดประกายนำปืน“ช็อตไฟฟ้า”ลดความสูญเสียของผู้ปฏิบัติ กระทั่งการได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานแก้ไขเรื่องอาวุธปืนหลวง ปัดฝุ่นระเบียบปืนสวัสดิการ นำ QR Code มาใช้ตรวจสอบและติดตามแก้ปัญหาลอบนำปืนหลวงออกไปขาย

 

ในวันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รุมเร้าไปด้วยปัญหาหลายมิติ จะด้วยตัวบุคคล หรือผลงานที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนคนไทย “หมดศรัธา” และรอที่จะเห็นการปฎิรูปที่เกิดผลสำเร็จอย่างแท้จริง ถึงวันนี้ ทุกคนก็ได้แต่คาดเดา ว่า “แคนดิเดต”​ ทั้ง 4 ใครกัน? จะมากอบกู้วิกฤตศรัธา รวมใจตำรวจในองค์กร ให้ยึดมั่นถือมั่น พิทักษ์ สันติราษฎร์ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง

เมื่อทีมข่าวได้ตรวจสอบแหล่งข่าวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลายเสียงสะท้อนถึงว่าที่ผู้นำสูงสุด ที่อยากได้คือ เป็นผู้นำที่คิดแบบใหม่ ทำงานคลี่คลายปัญหาด้วยความรวดเร็ว มีผลงานจับต้องได้ มีความเด็ดขาด กล้าชนกับทุกปัญหา พร้อมผลักดันองค์กรให้เดินไปข้างหน้าได้

ส่วนตัวเต็งจาก 4 แคนดิเดต ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กระแสมาแรงสุดต้องยกให้ บิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่เหลืออายุราชการ 1 ปี ซึ่งก็ถือเป็นตำรวจผู้ทรงพลังรอบด้าน ผลงานที่ผ่านมาถึงจะไม่หวือหวา แต่ชนะใจประชาชน และ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เหลือเวลาราชการยาวนานไปถึง 8 ปี ที่มีผลงานสุดจี๊ดจ๊าด รับผิดชอบคดีใหญ่ๆมาอย่างต่อเนื่อง ที่สุดแล้วก็ต้องลุ้นกันว่า ในยุทธจักร “สีกากี” บิ๊กต่อ หรือ บิ๊กโจ๊ก จะได้มีโอกาสโชว์ฝีไม้ลายมือ ในฐานะ “พิทักษ์1”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น