ภายหลังจากที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ “หมออ๋อง” สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฏร ได้โพสต์ภาพในเฟซบุ๊กส่วนตัว Padipat Suntiphada ที่นายปดิพัทธ์ ถือกระป๋องคราฟเบียร์ พร้อมระบุข้อความว่า “เอาแล้วๆๆๆ พิษณุโลกมีคราฟท์เบียร์ตัวแรกอย่างเป็นทางการแล้วครับ เป็นของดีพิดโลกนอกจากกล้วยตากและหมี่ซั่วครับ” ทำให้ในโลกออนไลน์ได้มีการตั้งคำถามว่า การที่นายปดิพัทธ์ ซึ่งเป็น สส. และมีตำแหน่งเป็นถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฏร แต่ทำไมถึงมีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งผิดกฎหมาย สามารถทำได้หรือไม่
ต่อมา นายปดิพัทธ์ กล่าวถึงกรณีดราม่าการโพสต์รูปคราฟเบียร์ว่า เป็นเรื่องปกติที่เราเห็นถึงการนำเสนอเรื่องราวบางอย่าง ก็จะมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หากเราย้อนไปดูกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะมาตรา 32 ของ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่อาจเข้าข่ายห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็เพิ่งมามีเมื่อตอนปี 2551 ก่อนหน้านี้ก็มีโฆษณากันตามทีวีและสื่อต่างๆได้หมด เมื่อเรารู้ว่าการทำสุราชุมชน หรือการทำคราฟท์เบียร์ในท้องถิ่นเป็นสิ่งที่เพิ่มมูลค่าให้กับจังหวัดนั้นๆได้ แต่เรากลับปิดกั้นการโฆษณา แล้วบอกว่าเรื่องนี้จะต้องนำมาสู่การติดคุกหรือโดนค่าปรับถึง 500,000 บาท ทำให้ผู้ผลิตไม่กล้าที่จะโฆษณา ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยไม่สามารถโฆษณาได้เลย ตรงกันข้ามเรากลับเห็นโลโก้โฆษณาสุราเจ้าใหญ่ทั่วทั้งเมือง แต่ก็เลี่ยงบาลีไปเป็นการขายน้ำโซดา ขายน้ำแร่บ้าง ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดี ที่สังคมจะได้มาตั้งคำถามกันเกี่ยวกับ ‘ความชอบธรรม’ ของมาตรา 32”