กำลังเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง หลังจาก นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้แสดงความเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ ในหัวข้อ เมื่อ “ชูวิทย์” แบลคเมล์ “เศรษฐา” โดยมีเนื้อความบางช่วงตอน ระบุว่า จากกรณี คุณชูวิทย์ อดีตเจ้าพ่ออ่าง นักค้ามนุษย์ เปิดแถลงข่าวกล่าวหาว่านายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย และบริษัท แสนสิริ ทำนิติกรรมอำพราง เลี่ยงภาษี คิดเป็นเงินกว่า 521 ล้านบาท จากการซื้อขายที่ดินย่านถนนสารสิน ที่มีมูลค่า 1,570 ล้านบาท เมื่อปี 2562
ด้วยความสงสัยว่าทำไมคุณชูวิทย์ถึงหยิบเรื่องนี้มาด้อยค่า ให้ร้ายนายเศรษฐา เพราะจากนิสัยที่แก้ไม่หาย หรือสันดานที่คุณชูวิทย์เรียกตัวเองว่าเป็นมหาโจร เรื่องที่ว่าแฉเพื่อชาติ อ้างตัวเองป่วยใกล้ตาย ถ้าบอกว่า แฉไป ไถไป ชั่วโมงนี้น่าจะดูน่าเชื่อถือมากกว่า
คุณชูวิทย์เอาดีลระหว่างเศรษฐาและบริษัทแสนสิริ กับการซื้อขายที่ดินย่านถนนสารสินมาแบล็กเมล์ กับการซื้อขายที่ดินของตัวเอง ทางทีมงานคุยทุกเรื่องกับสนธิ มีหลักฐานยืนยัน เป็นภาพจับมือจับไม้กันระหว่างนายชูวิทย์ กับนายเศรษฐา เมื่อวันที่ 8 กันยายน2565 ที่บริษัท แสนสิริ หรือนายเศรษฐาเคยติดต่อเจรจาซื้อขายที่ดินของชูวิทย์เมื่อปีที่แล้ว
ราคาที่คุณชูวิทย์อยากขายคือ 2,000 ล้านบาท แสนสิริขอต่อรองราคาลงมาจนเหลือ 1,800 ล้านบาท แต่การซื้อขายไม่สำเร็จเพราะว่าการจะซื้อขายที่ดินกันระหว่างแสนสิริ กับ ชูวิทย์ ติดปัญหาสัญญาซื้อขายที่ยังมีอยู่กับรายเดิมคือบริษัท ไรมอน แลนด์ และกรณีใบอนุญาตก่อสร้างที่ชูวิทย์พ่วงมา ยังต้องมีการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
ใบอนุญาตในการก่อสร้างคุณขอมาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และต่อทุกปีโดยคุณไม่ได้สร้างอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ผมไม่อยากจะพูดว่าคุณมีเจ้าหน้าที่ กทม. หลายคนรู้เห็นเป็นใจกับคุณ
พอถึงตรงนี้ก็เลยต้องถึงบางอ้อกันว่า ทำไมผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นมหาโจรอย่างนายชูวิทย์ พยายามจะปั่นเรื่องนายเศรษฐาขึ้นมา ตั้งแต่มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยแล้ว นายชูวิทย์ก็เลยสบช่อง เอาเรื่องนี้มาแบล็กเมล์ งัดมุกละครลิงตามถนัดมาโจมตีนายเศรษฐา เพื่อบีบให้บริษัท แสนสิริ ควักกระเป๋าจ่ายเงินซื้อที่ดินของตัวเอง 1,800 ล้านบาท ให้ได้