วันที่ 16 ส.ค. 66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ระบุว่า โจรใส่สูทปล้น “ให้กู้ 1,000 ล้านผิดคน”ความจริงเริ่มปรากฏเพียงแค่ไม่ถึงวัน น.ส.พินิช แม่บ้าน ที่ผมเอาขึ้นมาแสดงว่าเป็น “นอมินี” ใน บ.เอ็น แอนด์ เอ็น ที่มีหุ้นถึง 99.998% คู่กับนายสมศักดิ์ รปภ.ออกมาแสดงตัวว่า “ไม่ได้เกี่ยวข้อง” โดยไปแจ้งความที่ สภ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ทั้งที่มีชื่อ มีบัตรประชาชน และได้รับเงินกู้จากบริษัทลูกของแสนสิริ เป็นจำนวนสูงถึง 1,000 ล้านบาท
อันแสดงว่า น.ส.พินิจ “ถูกสวมบัตรประชาชน” เพื่อไปกู้เงิน เพราะในวันที่รับเงินกู้ 1,000 ล้านบาท มีการดำเนินการโดยนายสมศักดิ์ ที่เป็นกรรมการคู่กันและปรากฏว่านายสมศักดิ์ รปภ. เป็นผู้เซ็นชื่อทำนิติกรรมที่สำนักงานที่ดินด้วยตัวเอง (ยังไม่รู้ว่าตัวปลอมอีกหรือเปล่า!)งานนี้แสนสิริที่เป็นบริษัทมหาชน และบริษัทลูก มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และการซื้อขายที่ดินเป็นจำนวนมาก ไม่ได้ตรวจสอบ หรือ “แกล้งไม่ได้ตรวจสอบ”?เพราะเป็นคนนำเช็คเงินกู้จำนวนถึง 1,000 ล้าน ไปให้กับใคร? เข้าบัญชีใคร?เงินจำนวนไม่น้อย จะอ้างว่าไม่ทราบคงไม่ได้ จะตะแบงอย่างไรความจริงก็จะปรากฏ
ในเมื่อเจ้าของบริษัทออกมาบอกว่า ไม่ใช่ตัวเอง และยืนยันไม่รู้เรื่อง อย่างนี้มืออาชีพหรือเปล่า?โดยวันนี้เวลาบ่ายโมง ผมจะไปฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน ข้อหาฟ้องเท็จ ที่ศาลอาญารัชดา และในฐานะประชาชนผู้ถือหุ้นแสนสิริจำนวน 20,000 หุ้น ได้รับความเสียหายจากการกระทำของแสนสิริ ผมจะไปแจ้งความที่ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก ในวันพฤหัส 10 โมงเช้า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ