เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “เสื่อมสุด!!” โดยเชื่อว่า ก่อนการโหวตนายกฯ นั้น อาจมีการแถลงอย่างเป็นทางการระหว่างเพื่อไทยกับ พลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการร่วมรัฐบาลและแบ่งสรรตำแหน่งรัฐมนตรีที่แต่ละพรรคจะได้รับ แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ทั้งสองพรรคยังไม่ได้รับเทียบเชิญจากเพื่อไทย จึงเป็นปัญหาต่อเสียงโหวตนายกฯ ของนายเศรษฐาอย่างยิ่ง อีกทั้งแต่ละพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ย่อมรู้ว่าวันเป็นนายกฯของนายเศรษฐาไม่มีอยู่จริง มันจบไปแล้ว เพราะ สว.ไม่โหวตให้ เสียงคงมีไม่เกินกึ่งของรัฐสภาอย่างแน่นอน ดังนั้นการที่เพื่อไทยแถลงว่าได้เสียงเกินครึ่ง ก็เป็นคำพูดไม่แตกต่างจากพรรคก้าวไกลเคยได้รับข่าวดีมาเมื่อครั้งโหวตนายพิธา ทำให้ขณะนี้ข้อเท็จจริงการร่วมรัฐบาลยังไม่จบสิ้นความร่วมมือกับพรรคการเมืองใดเลย ยิ่งกับพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ เพราะไม่ตกลงแบ่งกระทรวงรัฐมนตรีให้ยุติเป็นทางการ พรรคเล็กอย่างชาติไทยพัฒนาก็ยังไม่จบด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เพื่อไทยไม่รู้เลยหรือว่าชะตากรรมของนายเศรษฐาจะอยู่อย่างไร
“จตุพร” เย้ยเพื่อไทย ตั้งรัฐบาลไม่จบง่าย แบ่งเก้าอี้รมต.ไม่ลงตัว ซ้ำเจอปม "เศรษฐา" เสี่ยงโหวตนายกฯไม่ผ่าน
ข่าวที่น่าสนใจ
นายจตุพร ยังเห็นว่า เมื่อก้าวไกลแสดงจุดยืนไม่โหวตนายกฯเพื่อไทย ยิ่งทำให้เพื่อไทยลำบากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะมีเสียง สส.เพียง 345 เสีย โดยรวม ปชป. 25 เสียงเข้าไปด้วย ย่อมทำให้การตั้งรัฐบาลถูกล็อคด้วยเสียง สว.ทันที ด้วยเหตุนี้ 2 ลุงคือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี อีกทั้งอำนาจต่อรองของเพื่อไทยเริ่มหายไป ซึ่งสถานการณ์แบบนี้เพื่อไทยยังไม่รู้สึกตัว และคงเข้าใจว่าตัวเองยังเป็นต่อทุกกรณีอยู่ พร้อมย้ำว่าสำหรับนายเศรษฐาจบไปแล้ว โหวตนายกฯไม่ผ่านแน่นอน ส่วนกรณีอุ๊งอิ๊งก็อยู่ที่การตัดสินใจ ซึ่งทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อมีอารมณ์เปลี่ยนไปมาได้วันละหลายรอบ อีกอย่างการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เคลื่อนขบวนถี่ขึ้น พร้อมตะโกนล้อเลียนคำพูดอุ๊งอิ๊งว่า ปิดสวิตซ์ 3 ป. ปิดสวิตซ์ สว. ประชาชนจะมีกินมีใช้ ซึ่งแสดงถึงความระบาดทางอารมณ์ชิงชังมีมากกว่านายเศรษฐา และระบาดได้เร็วมาก ดังนั้นถ้าคิดไม่ได้ก็เป็นหายนะกรรม
นายจตุพร กล่าวอีกว่า คนจะมาเป็นนายกฯ ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ อีกทั้งต้องมีมาตรฐานทางจริยธรรมการบริหารประเทศ เพราะต้องดูแลภาษีประชาชนและสมบัติของชาติ จึงหวังว่านายเศรษฐาเมื่อต้องการเป็นนายกฯ ไม่ควรนิ่งเงียบ แต่ควรชี้แจงการตรวจสอบอย่างเป็นระบบของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เพื่อทำความจริงให้ปรากฎ แต่สิ่งที่น่ากังขา พรรคเพื่อไทยกลับนิ่งนอนใจ ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวจากการตรวจสอบด้านจริยธรรมทางการเมืองครั้งสำคัญเช่นนี้
Global Deals ทุกวันพุธ!!
รับโค้ดส่วนลดเพื่อ 15%
คลิกเพื่อช้อปได้ที่นี่ : https://omgrefer.com/qS40K
ข่าวที่เกี่ยวข้อง