“อ.เจษฏ์” ตั้งข้อสงสัย จับโกหก “ปิยุบตร” ปมหนุนแก้รัฐธรรมนูญ แท้จริงพฤติกรรมชัด อยากแบ่งแยกดินแดน

"อ.เจษฏ์" ตั้งข้อสงสัย จับโกหก “ปิยุบตร” ปมหนุนแก้รัฐธรรมนูญ แท้จริงพฤติกรรมชัด อยากแบ่งแยกดินแดน

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม นายเจษฏ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย ให้สัมภาษณ์กรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าออกมาระบุการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรนูญทั้งฉบับไม่ต้องกังวลเรื่องการล้มล้างฯ เพราะติดล็อครัฐธรรมนูญ 2560 ที่ห้ามเปลี่ยนรูปของรัฐและระบอบการปกครองว่า สิ่งที่นายปิยบุตรพูดไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งการพูดแบบนี้หากพิจารณาอย่างผิวเผินก็พอจะพูดได้ แต่ถ้าพูดในเชิงลึกส่วนตัวคิดว่า นายปิยบุตรย่อมรู้ดีว่า หมวด 15 ในรัฐธรรมนูญ2560 เป็นหมวดว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เป็นการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นายเจษฎ์ กล่าวต่อว่า มาตรา 255 บัญญัติไว้ว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ จะกระทํามิได้ ซึ่งอยากให้ขีดเส้นใต้คำว่า การแก้ไขเพิ่มเติมไว้ โดยการที่นายปิยบุตรพูดออกมาเป็นได้ 2 ลักษณะคือ 1.พูดแบบรวมว่า การแก้รัฐธรรมนูญเรื่องนี้ทำไม่ได้ เพราะมาตรา 255 ล็อกไว้ ทั้งที่ก็รูอยู่แล้วว่า มาตรา 255 เขียนไว้ว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ใช่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งหมด

Live] : ดีเบต อ.ปวิน Vs เจษฏ์ โทณวณิก ที่ Aj Jazeera (สรุปตอนนี้ก็ยังไม่มา  น่าจะโดนแกง)

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนลักษณะที้ 2 คือพูดให้คนอย่างตนยอมรับว่า สามารถที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงโดยการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับได้ ดังนั้นอย่างที่บอกคือประการแรกง่าย คือ ตีขุม เพื่อจุดประสงค์ว่า เมื่อถึงเวลาก็อ้างว่า การยกรางรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เมื่อมี สสร.ก็จะแก้โดยเขียนว่า ระบอบประชาธิปไตยเฉย ๆก็ได้ หรือเขียนว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรแบบใดแบบหนึ่ง จะแบ่งแยกไม่ได้ โดยจะเขียนแบบไหนก็ได้ ซึ่งประการแรกคือง่ายที่สุดคือ พูดให้คนคิดว่าเป็นอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นอย่างนั้น และประการที่สองคือพูดให้คนอย่างตนออกมาพูดว่า การแก้ไขเพิ่มเติมทำไม่ได้ แต่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ได้ห้ามไว้

เมื่อถามว่าการที่นายปิยบุตรออกมาพูดแบบนี้ถือเป็นการตบตาประชาชนหรือไม่ นายเจษฎ์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าถ้าคนที่ไม่มีอะใรให้คิดจะไม่พูดเรื่องแบบนี้ ดังนั้นขอให้ย้อนไปดูคนที่ยกร่างรัฐธรรมฉบับใหม่ในอดีตไม่ว่าจะผ่านมากี่ฉบับเขาไม่เคยที่จะไปแตะต้อง หรือพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับการแก้ไขดังกล่าว อีกทั้งที่ผ่านมาเมื่อมีการแก้ไขยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำไมไม่เคยมีใครคิดเรื่องแบบนี้ว่า มาตรา 255 ล็อกไว้ หรือเรื่องการจะเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขทำไม่ได้ แต่มีแค่นายปิยะบุตรที่ออกมาพูดเรื่องนี้เคนเดียว

วันวานที่ต้อง 'กลืนเลือด' และความมุ่งหวังตั้งใจในวันนี้ของ 'ปิยบุตร  แสงกนกกุล'

“ทำไมเวลาที่คนอื่นพูดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือพูดเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผู้คนทั้งหลายก็ไม่เคยคิดว่า จะพูดเรื่องนี้หรือไม่ ที่ผ่านมาคนที่ทำเรื่องนี้มาเยอะแยะก็ไม่เคยมีใครมาพูดเรื่องแบบนี้ และไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้ แต่นายปิยะบุตรออกมาพูดเรื่องแบบนี้คนเดียว นั่นแปลว่าจิดใจคิดแต่เรื่องแบบนี้ ซึ่งสุดท้ายก็จะอ้างว่า ทุกอย่างอยู่ที่ สสร. อยู่ที่บ้านเมือง อยู่ที่ผู้คนทั้งหลายที่จะอธิบายว่า วันนี้เป็นการต่อสู้กันระหว่างอนาคตกับอดีต และท้ายที่สุดเขาจะก็พูดเหมือนว่า มันจะกลายเป็นการต่อสู้กันระหว่างคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปอีกแบบหนึ่งกับคนที่จะรักษาประเทศไทยไปอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นการพูดในลักษณะนี้จะทำให้มีปัญหา”นายเจษฏ์ กล่าว

นายเจษฏ์ กล่าวว่า การแก้ไขเพิ่มเติมหรือการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ไม่ใช่เรื่องต้องมาเอาชนะกัน หรือต้องเขียนในแบบที่นายปิยบุตรคิด หรือเขียนแบบที่ใครคนใดคนหนึ่งคิด แต่เป็นเรื่องของ ประชาชาติ และคนไทยทั้งหมดที่จะต้องร่วมกันคิดเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ไมใช่เขียนเพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือเป็นเรื่องของคนใดคนหนึ่งที่คิดจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ซึ่งเรื่องนี้ได้เคยพูดไว้แล้วว่า ต่อให้ประชาชาติ ต่อให้คนไทยทั้งแผ่นดิน คุณจะมาเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่บรรพบุรุษตกทอดเป็นมรดกมาให้เราไม่ได้ ดังนั้นส่วนตัวมองว่า สิ่งที่นายปิยบุตรออกมาพูดมีนัยยะแฝงเร้นเหมือนที่เคยดูดมาตลอด คือสร้างความแตกแยกให้แก่บ้านเมืองด้วยการใช้กลไกลของการแบ่งแยก และการปกครอง คือทำอย่างไรก็ได้ให้บ้านเมืองแตกแยกมากที่สุด และหาหนทางเข้าปกครองบ้านเมืองด้วยการแบ่งแยก ตรงนี้อันตรายมาก

เมื่อถามว่า การที่นายปิยบุตร และพรรคก้าวไกล รวมถึงเครือข่ายภาคประชาชนอย่างไอลอร์ออกมาเดินเกมเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญพร้อมกันมีนัยยะอะไรหรือไม่ นายเจษฏ์ กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้วว่าเวลาที่จะว่าใครในเรื่องทฤษฏีสมคบคิดก็ต้องมาย้อนดูตัวเองว่า อยู่ภายใต้ทฤษฎีสมคิดด้วยหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เขาอาจจะอ้างว่า ทำแบบเปิดเผย ไม่ได้ทำอย่างซ่อนเร้น แต่ลักษณะแบบนี้คือการทำแบบขบวนการทั้งในส่วนของพรรคการเมือง ส่วนของคณะก้าวหน้า รวมถึงกลไกลอื่นเช่นภาคประชาชนอย่างไอลอร์ และอาจจะมีผู้สนับสนุนเรื่องอื่นอีก แต่ทั้งหมดคือการกระทำเป็นขบวนการที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกการปกครอง คือการทำให้เกิดการแตกแยกในบ้านเมือง เพื่อเข้าปกครอง โดยการพูดสิ่งเหล่านี้เพื่อให้คนทะเลาะกัน ทำให้เกิดปัญหา จากนั้นจึงฉวยโอกาสเมื่อคนทะเลาะกัน เข้าแทรกซึมเมื่อปัญหาเกิด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นผลดีกับบ้านเมือง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“รองโฆษกรัฐบาล” ยืนยันค่าไฟไม่ได้เพิ่ม แต่ลดลงเหลือ 3.99 บ.ต่อหน่วย
โค้งสุดท้าย "พิพัฒน์" นำทีมภูมิใจไทย เคาะประตูบ้าน ชาวเมืองคอน ขอเสียงหนุน "ไสว" เป็นสส.เขต 8
ชาวเมืองน่าน เข้าพบ "นิพนธ์" อดีตรมช.มหาดไทย ผลักดันพิสูจน์สิทธิ ออกโฉนดที่ดินสำเร็จ หลังรอคอยนานกว่า 30 ปี
"สันติสุข" ปลื้มปริ่ม "ในหลวง-พระราชินี" ทรงขับเครื่องบิน เสด็จฯเยือนราชอาณาจักรภูฏาน ทรงได้รับการถวายพระเกียรติ สุดประทับใจคนไทย
“ทักษิณ” ลั่นไม่สั่งใครเบรค “กัน จอมพลัง” ยุ่งคดีพีช ฟาด "เต้ มงคลกิตติ์" หลังปูดข่าว
"เจ้าอาวาส" สุดทนขึ้นป้าย “ไม่มีเงินให้ขโมยแล้ว” หลังคนร้ายงัดตู้บริจาคหลายครั้ง
“ทักษิณ” กลับเชียงใหม่อีกครััง เปิดให้รดน้ำดำหัว ขอพรในเทศกาลสงกรานต์ ก่อนช่วย “อัศนี” หาเสียงพรุ่งนี้
“นายกฯ” เตรียมลุยประชุม ครม.สัญจร หลังออกจาก รพ.แล้ว จ.นครพนม 28-29 เม.ย.นี้
"ดีอี" ยกระดับศูนย์ AOC 1441 สู่ ศปอท. เพิ่มประสิทธิภาพบูรณาการข้อมูลปราบ “โจรออนไลน์”
"กนก" โพสต์แฟนข่าว "ท็อปนิวส์" เต็มอิ่ม สนุกสุดทัวร์ย้อนประวัติศาสตร์ "ลั่วหยาง-ซีอาน"

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น