วันที่ 21 ส.ค. 66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง แฉเพื่อชาติครั้งสุดท้าย ก่อนชีวิตดับสูญ เปิดโปงขบวนการนอมินีซื้อขายที่ดิน ของบริษัทแสนสิริที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน อยู่เบื้องหลัง ยืนยันเศรษฐาไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมโต้กลับกลุ่มบุคคลที่ทำลายชื่อเสียงตนเอง ยืนยันทรัพย์สินทุกบาททุกสตางค์ตนเองหามาได้สุจริต ไม่มีหนี้แม้แต่บาทเดียว
การแถลงของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่โรงแรมเดวิด เจ้าตัวยืนยันว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะแฉเพื่อชาติ นายชูวิทย์เริ่มต้นด้วยการเอาโฉนดออกมาให้ผู้สื่อข่าวดูจำนวน 9โฉนด รวม 13 ไร่ เป็นโฉนดใจกลางสุขุมวิท โดยบอกว่าเป็นที่ดินของตนเอง โฉนดดังกล่าวก่อนหน้านี้ มีชื่อของนายเศรษฐา ทวีสินอยู่ด้านหลังโฉนด สุดท้ายมาตกที่นายชูวิทย์ นายชูวิทย์บอกว่า นายเศรษฐาจะขอซื้อคืนจำนวน 9 โฉนด แต่นายชูวิทย์ไม่ขาย ทำให้นายเศรษฐาโกรธ
ส่วนกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไปร้องที่กรมสรรพากร เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำนิติกรรมในการหลีกเลี่ยงภาษีรวมกว่า 900 ล้านบาท นายชูวิทย์ยืนยันว่า นายสนธิ จะทำอะไรก็ทำไป ตนเองมีหลักฐานทุกอย่าง และยังกล่าวอีกว่านายสนธิกับตนเองคนละชั้นกัน
ส่วนประเด็นสำคัญในวันนี้ที่ตนเองจะแถลงเป็นครั้งสุดท้าย ตนพูดเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน และในฐานะประชาชนบุคคลสาธารณะ ตนเองมีหลักฐานทุกอย่าง ทั้งเอกสาร บางคนบอกว่าเป็นค่าคอมมิชชั่นแต่ตนเองมองว่าเป็นการคอรัปชั่น
นายชูวิทย์ ระบุถึงการซื้อขายดินสุขุมวิท 12 เป็นที่ดินเปล่าจำนวน 12 ไร่ เดิมอยู่ในนามบริษัทศิวแลนด์ ทุนจดทะเบียน 175 ล้านบาท เมื่อต้องการขายที่ดินจำนวน 2 ไร่เศษ ซึ่งเจ้าของมีการจำนองไว้กับธนาคาร 1,000 ล้านบาท
ต่อมาศุกร์วันที่ 11 มี.ค. 59 บริษัทนอมินี ชื่อว่า crowncity ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง แต่สัญชาติซามัว ซึ่งอยู่ใกล้นิวซีแลนด์ นายชูวิทย์อ้างว่ามี “รปภ. ชื่อโชคชัย” อยู่ที่มุกดาหารเป็นนอมินี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจถือหุ้น 51% ได้ไปซื้อหุ้นจากบริษัทศิวแลนด์และมีการปลดจำนองจากธนาคาร 1000 ล้านบาท แต่มีการโอนหุ้นเปลี่ยนเป็นบริษัท crowncity ซึ่งเป็นบริษัทต่างด้าวในวันจันทร์ที่ 14 มี.ค. ทั้งนี้ในระหว่างการแถลงข่าวมีการนำคนแต่งกายชุดนอมินีมาประกอบการแถลงข่าวด้วย