รัฐสภา วันนี้ ( 22 ส.ค.) นายประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันนี้ ว่า ส.ว.เป็นอิสระในการแสดงความเห็นและอภิปราย โดยไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามีจำนวนเท่าใด เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ว.ที่จะทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน และเพื่อความมั่นคงของชาติ พร้อมยอมรับมีการพูดคุยกันบ้างในบรรดา ส.ว. ซึ่งมองว่าสถานการณ์ขณะนี้แตกต่างจากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี สมัยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ ส.ว. ส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่การโหวตเลือกครั้งนี้ ยังมีความเห็นหลากหลาย ส่วนหนึ่งอยาก จะเห็นในเชิงนโยบาย โดยเฉพาะ เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ที่เชื่อว่าฉบับปัจจุบันเป็นฉบับที่ดี มีการป้องกันทุจริตที่เข้มแข็งไม่เห็นควรแก้ไขทั้งฉบับ ถ้ามีโอกาสที่ ส.ว. จะอยู่ทำหน้าที่ก็จะช่วยทำหน้าที่ในฝั่งของ ส.ว.
“สว.ประเสริฐ” ชี้ “ทักษิณ”กลับไทยไม่มีผลต่อการตัดสินใจโหวต “นายกฯ”
ข่าวที่น่าสนใจ
นายประเสริฐ ยอมรับว่ามี ส.ว.เป็นกลุ่ม แต่ไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์หรือว่าบังคับให้เลือกฝั่งหนึ่ง ฝั่งใด ด้วยวัยวุฒิและเกียรติคุณของสมาชิกวุฒิสภาเอง ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามี ส.ว. 100 เสียงสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากเพื่อไทยนั้น ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าเป็นการคาดเดาเหมือนครั้งที่แล้ว เลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลก็เป็นการคาดเดา เพราะได้เพียงไม่กี่เสียง ซึ่งการขับเคลื่อน ต้องขับเคลื่อนด้วยเป้าและชี้นำด้วยตัวเลข แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่สามารถกะเกณฑ์จำนวนได้ ไม่เคยได้ยิน ส.ว.พูดถึงเรื่องตัวเลขจะโหวตสนับสนุน ทั้งนี้เชื่อว่าถ้าไม่ติดในประเด็นใด ถ้าการโหวตนายกฯวันนี้ผ่านได้ประเทศจะได้มี นายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับนายเศรษฐา นายประเสริฐ เชื่อว่าประชาชนจะมีคำถามในใจ แม้ว่าจะดีใจที่จะได้นักธุรกิจมาทำงาน แต่ก็กังวลใจว่าคนที่จะเป็นเบอร์ 1 ของประเทศ ถ้ามีปัญหาประชาชนก็คงมีคำถาม แต่บางคนอาจบอกไม่เป็นไร บางคนบอกว่าเป็นถึงผู้นำประเทศต้องกลับมาไตร่ตรอง ว่าถ้าเป็นเช่นนี้จะต้องดูว่าอะไรที่เป็นในแง่ของจริยธรรม หรือนโยบายทางการเมือง จึงคาดเดาไม่ได้ว่าเพื่อนสมาชิกจะเลือกใครหรือจำนวนเท่าใด
ส่วนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับบ้าน นายประเสริฐ เชื่อว่าจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ แต่อาจมีผลต่อ ความรู้สึกของคนไทยที่เป็นแฟนคลับ ซึ่งเมื่อกลับมาแล้วก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและ เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามครรลอง และส่วนตัวมีความภาคภูมิใจว่าอดีตผู้นำประเทศ ที่มีคุณงามความดีให้กับประเทศ กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย และขั้นตอนขอรับพระราชทานอภัยโทษ ถือเป็นตัวอย่างที่ดี และเชื่อว่าอดีตผู้นำประเทศ จะกลับมาสร้าง คุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้อีกมากมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง