วันที่ 23 ส.ค. พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวท็อปนิวส์ ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล ระบุการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นการจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษที่อนุญาตให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งพอเป็นพิธีเท่านั้น ว่า ผลการเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลได้รับเลือกตั้งมา 151 เสียง พรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งมา 141 เสียง ถ้าไม่มีมาตรา 272 ที่ให้สว.มีส่วนเลือกนายกรัฐมนตรี การจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลแข่งกับพรรคเพื่อไทยเพราะไม่มีทางที่พรรคอันดับ1 จะมารวมกับพรรคอันดับ 2 ได้ ดูจากประวัติศาสตร์ทางการเมืองไม่เคยเกิดขึ้น แต่ด้วยอิทธิพลของรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ที่ให้สว.เข้าไปมีส่วนร่วมเลือกนายกฯ จึงทำให้ทั้งสองพรรคจำเป็นต้องจับมือร่วมกัน แต่เมื่อจับมือร่วมกันแล้ว พรรคก้าวไกลดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด มีนโยบายที่ไปกระทบต่อความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรง จึงเป็นเหตุที่ทำให้สว.ไม่เห็นชอบนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล เมื่อไม่เห็นชอบก็มีอีกหนทางเดียวคือต้องเห็นชอบนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เพราะพ้นจาก 2 พรรคนี้ไปแล้วโอกาสที่พรรคอื่นจะเป็นนายกรัฐมนตรี มันเป็นไปไม่ได้ หรือเป็นไปได้ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน
ข่าวที่น่าสนใจ
“เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะตั้งรัฐบาลอย่างไรก็ต้องมีก้าวไกล หรือเพื่อไทย หรือทั้งสองพรรคอันใดอันหนึ่ง ผลของการเลือกตั้งมันบังคับวิถีของการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้ เพราะฉะนั้นที่ใครบอกว่าไม่ต้องไปสนใจเรื่องการเลือกตั้ง อยากได้ใครก็ได้ ไม่จริง ผลของการเลือกตั้งชี้ชัดว่า นายกฯ หรือพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มันจะพ้นจากก้าวไกลกับเพื่อไทยไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้สว.ส่วนใหญ่ ไม่สามารถที่จะไปสนับสนุนนายกฯ จากพรรคก้าวไกลได้ จึงไปสนับสนุนนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย เพราะประเทศชาติต้องเดินหน้า ต้องมีรัฐบาล” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ตนตั้งใจเลือกนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย แม้จะมีเครื่องหมายคำถาม และติดใจในเรื่องคุณสมบัติ จริยธรรม คุณธรรม ของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ก็ตาม แต่ที่ตนลงมติไม่เห็นชอบ เพราะนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศว่าเมื่อจัดตั้งรัฐบาล จะเสนอการทำประชามติ เพื่อไปร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งตนคิดว่าประเด็นนี้กระทบต่อความมั่นคงของชาติ เพราะสภาพของสังคมมีความขัดแย้งอยู่มาก การส่งประเด็นการทำประชามติลงไปในสังคม ฝ่ายที่เห็นด้วยกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะเกิดการปะทะกัน และสภาพปัจจุบันมีการชุมนุมต่อต้านกัน รุนแรง มีการบาดเจ็บล้มตาย ตนจึงเห็นว่า คนที่จะเป็นรัฐบาลไม่ควรสร้างความขัดแย้ง แต่นี่รัฐบาลกลับเป็นตัวโยนความขัดแย้งเข้าไปในสังคม ซึ่งตนคิดว่าไม่ควรทำในภาวะเช่นนี้
ต่อข้อถามว่ามีความเป็นห่วงประเด็นแก้รัฐธรรมนูญเรื่องใดบ้างและเรื่องใดจะกลายเป็นปัญหาระยะยาว พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รับชั่น ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีมาตรการปราบปรามการทุจริตคอร์รับชั่นที่เข้มงวด เป็นมาตรการที่ป้องกันนักการเมืองที่ทุจริตไม่ให้เข้ามาบริหารประเทศ และนักการเมืองที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ถ้าใครทุจริต จะมีมาตรการลงโทษอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการลงโทษตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งไม่มีอายุ ดังนั้้นถ้านักการเมืองถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นการลงโทษไม่ให้เข้าสู่การเมืองตลอดชีวิต คดีความต่าง ๆ ที่เกิดจากการทุจริตคอร์รับชั่น ไม่มีอายุความ เพราะฉะนั้น ใครที่ทุจริตแล้วหลบหนีไปต่างประเทศ จะไม่มีโอกาสกลับประเทศไทย เพราะถ้าหนี อายุความจะหยุดลง แต่คดีจะคืบหน้าเพราะมีการพิจารณาคดีลับหลัง
Shopee Special | ลดสูงสุด 80%
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 22 ส.ค. – 25 ส.ค. 2023
คลิกเพื่อช้อปได้ที่นี่ : https://omgrefer.com/vuGpO
ข่าวที่เกี่ยวข้อง