นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Chuchart Srisaeng” ระบุว่า การพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมทั้งคดีแพ่งและและคดีอาญา บางคดีมีพยานบุคคลหลายสิบคน มีพยานเอกสารหลายพันหรือนับหมื่นฉบับ
เมื่อสืบพยานคู่ความเสร็จองค์คณะผู้พิพากษาต้องนั่งอ่านคำพยานบุคคลพร้อมกับตรวจพยานเอกสารทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียดถี่ถ้วนและพิจารณาว่า ควรจะเชื่อฝ่ายโจทก์หรือจำเลย และพิพากษาให้ฝ่ายใดชนะคดี
ถ้าเป็นคดีอาญาหากเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์เชื่อได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยกระผิดตามโจทก์ฟ้องจริง ก็ต้องพิจารณาต่อไปว่า จำเลย มีเหตุบรรเทาโทษหรือไม่ สมควรลงโทษมากน้อยเพียงใด และควรรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่ อย่างไร
เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว ก็ออกหมายขังจำเลยเพื่อให้กรมราชทัณฑ์คุมขังจำเลยไว้ในเรือนจำตามจำนวนโทษที่กำหนดไว้ในคำพิพากษา