เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดงานเสวนาวิชาการและแถลงความร่วมมือเพื่อบูรณาการและเสริมพลังการทำงานของเครือข่ายตรวจสอบข้อเท็จจริง (Thai Fact – Checking Network) พร้อมรับฟังสถานการณ์ข่าวลวง และข้อมูลบิดเบือนในปัจจุบัน และความสำคัญของการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสื่อมวลชน โดยมี ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็นประธานเปิดงาน
ดร.ธนกร ระบุว่า ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้พฤติกรรมการบริโภคข่าวสารของสังคมได้เปลี่ยนไปอย่างมาก นิยมบริโภคข่าวสารผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือไลน์ มากขึ้น สื่อมวลชนกระแสหลักจึงต้องยิ่งปรับตัวเพื่อแข่งขันให้เท่าทันกับสื่อสังคมออนไลน์ อีกทั้ง ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในปัญหาสำคัญที่มาพร้อมกับความรวดเร็วในการเปิดรับ และส่งต่อข่าวสารนั้น คือเรื่องของคุณภาพและความถูกต้อง อันเป็นช่องว่างในการแพร่กระจายของข่าวลวง (Fake News) ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา หน่วยงานต่าง ๆ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้มีความพยายามในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวสาร ทั้งจากภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคธุรกิจ สื่อมวลชน และภาคสังคม อาทิ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย, ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ โดยสำนักข่าวไทย , Co-Fact ประเทศไทย และภาคีเครือข่ายทั้งในประเทศ และระดับนานาชาติอย่างเครือข่ายการตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับนานาชาติ (International Fact Checking Network หรือ IFCN) รวมถึงความพยายามในการบริหารจัดการกับข่าวปลอมจากเจ้าของแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละภาคส่วนล้วนมีจุดแข็งและความถนัดในการทำงานที่แตกต่างกัน รวมถึงอาจยังมีช่องว่างในการทำงาน ที่ต้องการกลไกในการช่วยเชื่อมร้อย บูรณาการ และสนับสนุน
ดร.ธนกร ระบุว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ คือ การส่งเสริมและสนับสนุน ตลอดจนการสร้างการมีส่วนร่วมของสังคม ให้มีการศึกษาวิจัย อบรม พัฒนาองค์ความรู้และการสร้างนวัตกรรมด้านสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการเชื่อมร้อยภาคีเครือข่าย และกลไกตรวจสอบข่าวปลอมจากภาคส่วนต่างๆ โดยเห็นควรให้มีการดำเนินโครงการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาคีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม
ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาแนวทางการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วนของสังคมที่เกี่ยวข้องในการรับมือกับปัญหาข่าวปลอม ผ่านการศึกษาตามหลักวิชาการ และการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีต่อหน่วยงานภาคีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมในแต่ละภูมิภาค โดยมีเป้าหมายสำคัญในการดึงศักยภาพการทำงานของหน่วยงานภาคีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม พร้อมบูรณาการแนวทางการทำงานของแต่ละภาคส่วนร่วมกัน เชื่อว่างานเสวนาครั้งนี้จะช่วยบูรณาการและเสริมพลังการทำงานของเครือข่ายตรวจสอบข่ายข้อเท็จจริง (Thai Fact – Checking Network) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนการพัฒนานิเวศสื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ ทุกข้อคิดเห็น ทุกข้อเสนอ มีคุณค่าและความสำคัญต่อการมุ่งมั่นทำหน้าที่ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
ด้านนายสเตฟาน เดลโฟร์ หัวหน้าสำนักข่าว Agence France-Presse (เอเอฟพี) ประจำกรุงเทพ ประเทศไทย กล่าวระหว่างการเสวนา “สถานการณ์ข่าวลวงในปัจจุบัน และความสำคัญของการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสื่อมวลชน” ว่า ตั้งแต่ปี 2563 เอเอฟพี ได้มีความร่วมมือกับกองทุนพัฒนาสื่อฯ โดยเผยแพร่หลักสูตรในการตรวจสอบข้อมูลบิดเบือนด้วยเทคนิคเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ โดยในปีนี้ จะมีหลักสูตรในการฝึกอบรมผู้ตรวจสอบข้อมูลบิดเบือน ทั้งในระดับต้น หลักสูตรสำหรับบรรณาธิการข่าว และสื่อมวลชน ที่ต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบย้อนกลับหรือ ตรวจสอบข้อมูลบิดเบือน จากองค์ความรู้ของ เอเอฟพี ซึ่งภูมิใจที่ได้ส่งเสริมนิเวศน์สื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ในประเทศไทย
สำหรับสถานการณ์ของข้อมูลบิดเบือนหรือข่าวปลอมในโลก พบว่า สถานการณ์ได้เลวร้ายลงมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยหลายภาคส่วน รวมถึงผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านดิจิทัลก็ตระหนักถึงปัญหาและพยายามหาทางแก้ไขปัญหาที่แพร่หลายในขณะนี้ ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางดิจิทัลถือเป็นเรื่องที่ท้าทายและเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสื่อแบบดั้งเดิมไป
โดยก่อนหน้านี้การพัฒนาดิจิทัล สื่อฯได้มีการแยกช่องทางการทำงานที่ชัดเจน ทั้งการออกอากาศ สื่อวิทยุโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ซึ่งแต่ละส่วนก็จะมีอุตสาหกรรมที่แยกออกจากกัน แต่ในปัจจุบันสื่อต่างๆ ได้เข้ามาแข่งขันในแพลตฟอร์มเดียวกันคือแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมถึงยังมีคู่แข่งรายใหม่ ๆ ที่ให้บริการออนไลน์อย่างเดียว รวมถึงการแข่งขันกันระหว่างสื่อมวลชน ซึ่งเดิมไม่เคยเป็นคู่แข่งในการแย่งเวลาไม่ว่าจะเป็นสื่อเกมส์ พาณิชย์อิเล็คทรอนิกส์ หรือ อีคอมเมิร์ซ
นายสเตฟาน ระบุว่า ในปัจจุบันสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวสาร ก็จะมีการแข่งขันกันมากขึ้นเพราะสื่อข่าวไม่ดึงดูดผู้ชมผู้ฟังในช่องทางออนไลน์จึงต้องมีการแข่งขันเพื่อให้มียอดวิว ยอดคลิก เป็นจำนวนมาก อีกทั้งมุมมองของประชาชนที่มองว่าสื่อถูกควบคุม หรือถูกครอบงำ โดยกลุ่มผู้ทรงอำนาจพรรคการเมือง และกลุ่มทุนต่างๆ ทำให้ความมั่นใจและความเชื่อถือในสื่อลดลง ซึ่งได้สร้างปัญหาจากการแข่งขันที่สูงขึ้นทำให้การรักษาไว้ซึ่งจริยธรรมของสื่อที่มีต้นทุนการดำเนินการค่อนข้างสูงเป็นสิ่งที่ท้าทาย
อย่างไรก็ตาม จากผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้ปัญหาข่าวปลอม ข้อมูลบิดเบือน หรือโฆษณาชวนเชื่อมีการเผยแพร่ไปอย่างมากและไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ และสิ่งที่เอเอฟพีได้พัฒนาในช่วงที่ผ่านมาคือการพัฒนาเทคนิคการตรวจสอบข้อมูลบิดเบือนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลจึงหวังว่าการทำงานที่เป็นกลางของเอเอฟพีจะแก้ไขความขัดแย้งการแบ่งขั้วกับการแบ่งแยกในสังคมได้ และเอเอฟพีเชื่อว่าการตรวจสอบข้อมูลบิดเบือนจะสามารถสร้างให้ผู้ชมผู้ฟังกลับมาเชื่อถือในสื่อมวลชนอีกครั้ง