มื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ด้านได้!!” ว่า พวกยึดอำนาจกับพรรคการเมืองที่ถูกยึดอำนาจก็เป็นพวกเดียวกัน โดยข้อสรุปชัดเเจนได้ปรากฎขึ้นจากการตั้งรัฐบาล 11 พรรคผสมขั้ว อีกอย่างการส่งไม้ต่อให้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ และไปไหว้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างนอบน้อมถึงทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับกล่าวชม พลเอกประยุทธ์ ต่อหน้าสื่อมวลชนว่า “ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ” ซึ่งนอกจากได้ตระบัดสัตย์ตั้งรัฐบาลข้ามขั้วแล้ว ยังลืมและทิ้งสัญญากับประชาชนว่า จะไม่ตั้งรัฐบาลกับพรรคของ พลเอกประยุทธ์ ดังนั้นเพื่อไทยและนายเศรษฐา จึงไม่มีอะไรสง่างามเลย จึงขอแสดงความยินดีกับกองเชียร์เพื่อไทยที่ได้เป็นรัฐบาล แล้วได้นายกฯ ที่ไหว้อย่างนอบน้อม จับมืออย่างสุขภาพ และชมคนยึดอำนาจเป็นคนดีอย่างน่ารัก ทั้งที่ตอนเลือกตั้งด่าเสียงดังอย่างฉิบหายไปหมด
“จตุพร” ชี้ภาพ “เศรษฐา” ไหว้นอบน้อมชม “บิ๊กตู่” สะท้อนส่งไม้ต่ออำนาจ
ข่าวที่น่าสนใจ
นายจตุพร วิเคราะห์อีกว่า สิ่งสำคัญนายเศรษฐาจะอยู่ถึงเดือนเมษา ปี 67 เพื่อจะได้ทำนโยบายแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทให้ประชาชนอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปหรือไม่ เนื่องจากธรรมชาติรัฐบาลผสมที่พรรคแกนนำไม่มีเสียงเด็ดขาด ย่อมจะไร้เสถียรภาพการนำ โดยเพื่อไทยมี 141 เสียง แต่รวบรวมพรรคอื่นๆ มาตั้งรัฐบาล 11 พรรค ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ คงทำให้เกิดเสถียรภาพได้ยาก
อีกอย่างการคิดนโยบายบริหารอาจต้องใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีมาเป็นแกนกลางทำงาน เพราะไม่สามารถนำนโยบายจากพรรคใดมาเป็นหลักการบริหารได้อีกทั้งการเป็นรัฐบาลผสม 11 พรรค แม้ไม่ตระบัดสัตย์ ก็อยากต่อการทำงานอยู่แล้ว เมื่อมาตระบัดสัตย์ก็ยิ่งทำให้ยากลำบากไปกันอีก แล้วยังมีปัญหาจริยธรรมทางการเมืองของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดประเด็นไว้ล้วนเป็นปัญหาเข้าของนายกฯ ที่ชื่อเศรษฐาทั้งสิ้้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง