ผู้ประกอบการค้าชายแดนช่องจอมเดือด บุกศาลากลาง ร้องผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ตรวจสอบการจับกุมสินค้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 3

สุรินทร์ -ผู้ประกอบการค้าชายแดนช่องจอมเดือด บุกศาลากลางจังหวัด ยื่นหนังสือผ่านสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา เข้าร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ตรวจสอบการจับกุมสินค้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 3 เดือดร้อนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจค้าขายชายแดน แถมมีกลุ่มแอบอ้าง ข่มขู่เรียกรับผลประโยชน์ ขณะที่ชาวกัมพูชาลงเฟสแชร์เตือนกัน ทำให้ชาวกัมพูชาไม่กล้าข้ามแดนมาเที่ยวซื้อสินค้าและรับจ้างในไทย ยิ่งทำให้เศรษฐกิจชายแดนซบเซา ชาวไทยค้าขายไม่ได้ เกิดผลกระทบในวงกว้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 25 สิงหาคม 2566 ) ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ นายพัฒนา ชื่นยง ที่ปรึกษาสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา พร้อมด้วยพ่อค้าแม่ค้าชาวตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิงจังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 20 คน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการเข้าตรวจคันของเจ้าพนักงานตำรวจปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 3 และกลุ่มผู้แอบอ้างเป็นพนักงานตำรวจโดยมีนายสมเกียรติ จันทร์แดง รอง ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ ลงมารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว พร้อมจะส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และดำเนินการต่อไป

 

ทั้งนี้ในหนังสือร้องเรียน ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดดังกล่าว เข้ามาตรวจค้นจับกุมผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดการค้าชายแดนช่องจอม และลูกจ้างแรงงานชาวกัมพูชา ณ ตลาดชายแดนช่องจอม และมีกลุ่มผู้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาแสวงหาประโยชน์อันไม่ชอบด้วยกฎหมายใช้อำนาจข่มขู่ ผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดชายแดนช่องจอม และลูกจ้างแรงงานชาวกัมพูชา เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ของผู้ประกอบการชาวกัมพูชาและแรงงานชาวกัมพูชา และมีผู้ประกอบการและแรงงานชาวกัมพูชา เกิดความหวาดกลัว ย้ายกลับประเทศ และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายในประเทศกัมพูชา ให้ระมัดระวังการมาตลาดชายแดนช่องจอม ส่งผลกระทบต่อการค้าขายตลาดช่องจอม เป็นอย่างมากในขณะนี้

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา ประจำจังหวัดสุรินทร์ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทน ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดชายแดนช่องจอม และลูกจ้างแรงงานชาวกัมพูชาว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสอบสวนตำรวจภูธร ภาค ๓ และมีกลุ่มผู้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 3 โดยพฤติการณ์ เจ้าพนักงานตำรวจปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 3 เข้ามาตรวจคันจับกุมผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดชายแดนช่องจอม และลูกจ้างแรงงานชาวกัมพูชา ณ ตลาดช่องจอม และมีกลุ่มผู้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาแสวงหาประโยชน์อันไม่ชอบด้วยกฎหมายใช้อำนาจข่มขู่ ผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดชายแดนช่องจอม และลูกจ้างแรงงานชาวกัมพูชา เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ของผู้ประกอบการชาวกัมพูชาและแรงงานชาวกัมพูชา และมีผู้ประกอบการและแรงงานชาวกัมพูชา เกิดความหวาดกลัว ย้ายกลับประเทศ และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายในประเทศพูชา ให้ระมัดระวังการมาตลาดชายแดนช่องจอม ส่งผลกระทบต่อการค้าขายตลาดช่องจอม และการท่องเที่ยว ซึ่งเรื่องเคยยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 17เมษายน 2566 ไปแล้ว แต่เรื่องเงียบไม่ปรากฎความคืบหน้าแต่อย่างใด แต่สถานการณ์กลับรุนแรงขึ้น มีการเข้าตรวจคันจับกุมทั้งของเจ้าหน้าที่ และบุคคลที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ โดยมีการเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2566 โดย พ.ต.อ.ศรีอรุณ รอง ผบก.3, พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ รอดนวล สั่งการให้ พ.ต.ท.ญาณกร ตรีเทพา รอง ผกกฯ และชุดตรวจค้นจับกุม โดยข้าพเจ้าได้รับข้อมูลจากผู้ประกอการบางรายให้ข้อมูลว่าการตรวจค้นจับกุมดังกล่าว อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการปล่อยผู้กระทำความผิด และหรือมีการข่มขู่เพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ตรวจสอบการกระทำของคณะบุคคลตังกล่าว และบุคคลที่แอบอ้างโดยอาศัยอำนาจของคณะบุคคลดังกล่าว ซึ่งพฤติกรรมของคณะบุคคลหรือกลุ่มบุคคลดังกล่าว กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ และประชาชน ผู้มาซื้อสินค้าบริเวณตลาดชายแดนช่องจอม ผู้ประกอบการปิดร้านเพราะเกรงกลัวการยัดเยียด ข้อกล่าวหา หรือการแสวงหาประโยชน์ของกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังกล่าว ทางสมาคมมิตรภาพไทย – กัมพูชา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการช่วยเหลือเพื่อมีให้กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อันเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดสุรินทร์ และเป็นประโยชน์ส่วนรวมต่อประเทศชาติ  ลงชื่อนายพัฒนา ชื่นยง ที่ปรึกษาสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา

 

นายพัฒนา ชื่นยง  ที่ปรึกษาสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา กล่าวว่า ตนได้เข้ามาร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์  ซึ่งมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมาร้องว่ามีตำรวจภูธรภาค 3 บางกลุ่ม ไปกระทำการจับกุมในบริเวณชายแดนช่องจอม ซึ่งจับกุมถี่มากในช่วงนี้ มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า ทางตลาดการค้าช่องจอม ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้ การมาจับกุมก็สามารถทำได้ แต่การจับกุมต้องจับกุมด้วยเหตุผล และวัตถุประสงค์ ตนไม่เชื่อว่านายจะรู้ทุกเรื่อง เวลามาจับกุมก็อ้างแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้บัญชาการสั่งมา  ตนอยากให้สื่อช่วยตรวจสอบด้วยว่า สินค้าที่เอาไปตรวจสอบ เอาไปไว้ที่ไหน จับ 3 ดำเนินคดี 2  จับ 2  ดำเนินคดี 1 อยากให้ไปตรวจสอบดูว่ามีหรือไหม

 

 

 

 

 

ล่าสุดก็มีคนมาแอบอ้าง ตนเคยมาร้องเรียนเรื่องนี้แล้ว ก็ยังมีอีกพฤติการณ์เนียนกว่าเก่า หนักกว่าเก่า วันนี้มาจับกุมถี่มาก เดือนละครั้งถือว่าหนักอยู่แล้ว มาหลังๆนี้เดือนหนึ่งมาจับถึง 2 ครั้ง คืออะไร เข้าใจคุณมีอำนาจในการจับกุม แต่ใช้อำนาจการจับกุมเหมะสมหรือไม่ มีผลกระทบอะไรตามมาหรือไม่ ตนเข้าใจการบังคับใช้กฎหมาย ประชาชนรับได้ แต่ก็เป็นห่วงว่าจะใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการปฎิบัติหน้าที่โดยหวังผลประโยชน์อะไรหรือเปล่า ล่าสุดนี้ถึงขั้นมีการเอาสินค้าไปตรวจสอบ สินค้ามีเป็นรถ 10 ล้อ ตนมีหลักฐานเป็นรูปให้เห็น ก็ได้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เห็นแล้ว อยากรู้ว่าเอาไปไว้ที่ไหน ประเมินด้วยสายตามูลค่าเป็นล้าน ฝากถามไปยังท่านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 มีด้วยหรือที่ท่านให้ลูกน้องมาตรวจสอบ โดยการนำสินค้าไปตรวจสอบก่อน แล้วให้มาคืนที่หลัง มีด้วยหรือ  โดยปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ร้องเรียนมา จึงได้นำเรื่องดังกล่าวมายื่นร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้รับทราบ เพื่อให้ตรวจสอบการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ และผู้ที่มาแอบอ้าง และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป  ทั้งนี้การตรวจจับขนสินค้าไป บางชิ้นที่มีลิขสิทธิ์ก็ดำเนินการไปตามกฏหมาย บางชิ้นอ้างจะนำไปตรวจสอบก่อน โดยอ้างกฏหมาย มอก.สคบ.เอาทุกอย่าง และการนำสินค้าที่ไม่ผิดไปตรวจสอบสามานถทำได้หรือไม่ แถมไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ร่วมตรวจสอบ ที่สำคัญเอาไปแล้วสินค้าอยู่ไหนของกลับมาครบหรือไม่  และของที่จำหน่ายในตลาดส่วนใหญ่ก็เป็นสินค้าทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องเสียง หลอดไฟ  หลอดไฟโซล่าเซลล์สินค้าอุปกรณ์เสริมอิเล็คทรอนิกส์  เทคโนโลยีต่างๆก็จับเอาไปทั้งหมด ไม่รวมสินค้าอื่นอีกจำนวนมาก ซึ่งเป็นสินค้าที่มีจำหน่ายและถูกยึดไปกว่า 3 รถบรรทุกเหมือนที่มีขายตามตลาดต่างๆทั่วประเทศ ที่อื่นมีการปฏิบัติเหมือนกันหรือไม่ และบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็พึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 กำลังจะฟื้นตัวก็มาถูกจับบ่อยครั้ง ขณะที่ชาวกัมพูชาลงเฟชแชร์เตือนกัน ทำให้ชาวกัมพูชาไม่กล้าข้ามแดนมาเที่ยวซื้อสินค้าและรับจ้างในไทย ยิ่งทำให้เศรษฐกิจชายแดนซบเซา ชาวไทยค้าขายไม่ได้ เกิดผลกระทบในวงกว้างบรรดาพ่อค้าแม่ค้าจึงรวมตัวมาร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมและให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วย หากไม่มีความคืบหน้าพ่อค้าแม่ค้าก็จะเดินหน้าร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป นายพัฒนาฯ กล่าว.

 

 

ภาพ/ข่าว นพรัตน์ กิ่งแก้ว ผู้สื่อข่าว จ.สุรินทร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สุดาวรรณ" เยี่ยมชมชุมชนชาวเลสังกาอู้-วิถีวัฒนธรรมชาวเลอูรักลาโวยจ จ.กระบี่
สจ.ธรรมชาติฟ้องตรงอัจฉริยะเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
อย.ตรวจพบสารอันตรายใน อาหารเสริม “กัมมี่” แบรนด์ดัง เร่งดำเนินคดีตามกม.ผู้ผลิต
กระบะสี่ประตูถอยชนกระบะแคปในปั้มน้ำมันแล้วหนีไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สาววัย 41 ปี เจ้าของกระบะแคปหวังเพียงคำขอโทษ
ตระกูล "สิงห์โตทอง" ทิ้งกระจาด ข้าวสาร-อาหารแห้ง 1 พันชุด ย้อนรำลึก "อดีตสส.ดรงค์ สิงห์โตทอง" ผู้ก่อตั้งสมาคมกลุ่มอาชีพการเกษตรชลบุรี ในวันชาวไร่อ้อยชลบุรี
สมศักดิ์ เผย มี ปชช. ร่วมนับคาร์บ ลดป่วย NCDs แล้วกว่า 6.4 แสนคน เดินหน้าอีก 16จว.กลาง-ตะวันออก
กรมส่งเสริมสหกรณ์ขอขยายเวลาโครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราอีก 10 ปี หวังเสริมสภาพคล่องต่อยอดธุรกิจให้สหกรณ์ชาวสวนยาง
ทบ.สั่งย้าย เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เซ่นปมทำร้ายร่างกายกำลังพล
บ.สยาม ควอลิตี้ สตาร์ช จำกัด จัดงาน “MODEL SMS 20R” ขยายพันธุ์ต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง ภายใน 5 ปี ชัยภูมิต้องปลอดจากการระบาดเป็นจังหวัดแรก
ตร.แจงชัด ติดข้อกม. ยังไม่ได้ตัว "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" พ่อค้าน้ำมันเถื่อนใหญ่ พบเบาะแสหนีอยู่กัมพูชา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น