รู้จัก "โรคเตียงดูด" เปิด 7 สัญญาณเตือนอาการนอนติดเตียง โรคใกล้ตัวที่ไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจ เสี่ยงซึมเศร้า โรคหัวใจ และเลือดสมอง
ข่าวที่น่าสนใจ
“โรคเตียงดูด” คืออะไร
- คือ สภาวะที่ลุกออกจากบนเตียงตอนตื่นนอนได้อย่างยากลำบาก ทั้งที่บางครั้งไม่ได้ง่วงนอนหรือเกิดจากความขี้เกียจเลยด้วยซ้ำ
- ผู้ป่วยจะมีความทุกข์เป็นอย่างมาก ไม่มีความคิดที่จะทำกิจกรรมอย่างอื่น
- เมื่อสามารถลุกขึ้นมาได้แล้ว ก็กลับไปยังบนเตียงอีกครั้ง จึงทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา
- ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย จิตใจ
- ความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง
- รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันอีกด้วย
สาเหตุโรค เตียงดูด (Dysania)
1. โรคซึมเศร้า
- ความผิดปกติของสารเคมีในสมองที่ส่งผลกระทบทางอารมณ์
- ทำให้พฤติกรรมไม่สดใส ร่าเริง
2. อ่อนเพลียเรื้อรัง
- ความเจ็บป่วยในระบบต่าง ๆ ของร่างกายเป็นระยะเวลานาน เช่น ปัญหาด้านการนอนหลับ ปวดศีรษะและข้อกระดูก
3. ภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น (Sleep Inertia)
- ตื่นมาแล้วไม่สดชื่น กระทบต่อประสิทธิภาพความคิด การเรียนรู้
4. ง่วงนอนมากผิดปกติ (Hypersomnia)
- หลับนานเท่าไหร่ก็รู้สึกว่ายังพักผ่อนไม่เพียงพอ
5. โรคไฟโบมัยอัลเจีย (Fibromyalgia)
- ปวดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ตามร่างกาย จึงมีอาการอ่อนเพลียหลังตื่นนอน
6. ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
- เช่น ยาต้านเศร้า ทำให้ง่วงนอน
อาการของโรค เตียงดูด
- หลังกลับมาจากทำงานหรือเรียนก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
- คิดว่าการนอนบนเตียงเป็นความสุขที่สุดในชีวิต
- คิดถึงเวลานอนตลอดเวลา
- ทำกิจกรรม เช่น รับประทานอาหาร เสพโซเชียล ทำงานบนที่นอน
- ถูกบุคคลใกล้ชิดกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมเกียจคร้าน
- หงุดหงิดหากมีใครมายุ่งกับที่นอน
- กดเลื่อนนาฬิกาปลุก เพื่อขยายเวลานอน
ผลกระทบของ “โรคเตียงดูด”
เมื่อใช้ชีวิตอยู่บนเตียงเฉย ๆ ร่างกายก็ไม่ได้ขยับเคลื่อนไหว จะส่งผลกระทบต่อการเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน
- ระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูกลดลง
- หรือประสบกับภาวะต่อมหมวกไตล้า เพราะเ ครียด จากการออกกำลังกายหรือทำงานหนักจนเกินไป
- ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลก็จะลดลง จนร่างกายอ่อนเพลียเรื้อรังได้
- ซึ่งก่อปัญหาสุขภาพตามมา เช่น น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน โรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง
ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายจะมีอารมณ์แปรปรวน เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างรวดเร็ว กลายเป็นโรคทางจิตเวชได้ เช่น
- ไบโพลาร์
- ซึมเศร้า
การรักษา
ใช้ยา
- ยาที่มีฤทธิ์ต่อเซโรโทนิน เป็นปรับฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการนอนหลับและอารมณ์ความรู้สึกของผู้ป่วย
ปรับพฤติกรรม
- ตื่นนอนให้เป็นเวลา
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม
- งดการเล่นโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ก่อนนอน
- ผ่อนคลายโดยการอาบน้ำอุ่น อ่านหนังสือ นั่งสมาธิ รับประทานอาหารรสหวานอย่างพอดี
- ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา เช่น โยคะ
- ไม่ทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น รับประทานอาหารบนเตียง
หากว่ามีอาการหรือได้รับผลกระทบอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้น ควรมาพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรค โดยเฉพาะหากเกิดมาจากความผิดปกติของจิตใจ จะสามารถรักษาได้อย่างถูกวิธี อีกทั้งควรสังเกตพฤติกรรมของบุคคลรอบข้าง ยิ่งถ้าปล่อยเอาไว้คิดว่าไม่เป็นอะไร อาจเกิดเหตุการณ์เศร้าสลด เช่น ทำร้ายตนเอง หรือการทำอัตวินิบาตกรรม
ข้อมูล : petcharavejhospital
Mercular : NOTEBOOK WEEK
ลดสูงสุด 40,000.- เก็บคูปองลดเพิ่มสูงสุด 10,000.-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง