วันนี้ (26 ส.ค.66) เวลา 10.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 พร้อมคณะนโยบายด้านการท่องเที่ยวได้เดินทางมาจังหวัดพังงา เพื่อติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวและพูดคุยถึงการท่องเที่ยว Wellness ในพื้นที่ฝั่งอันดามัน โดยมีประชาชน และภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวได้เสนอโครงการต่างๆ ซึ่งสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงานำเสนอหลักๆ 3 ด้าน คือ การสร้างสนามบินพังงา, การก่อสร้างสะพานข้ามเกาะคอเขา (เกาะ-คอ-เขา) การขนส่งทางบกรถโดยสาร EV ระหว่างสนามบินจังหวัดฝั่งอันดามัน และสร้างท่าเทียบเรือที่ได้มาตรฐานที่เชื่อต่อการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันพร้อมพัฒนาไปข้างหน้าใน 5 ปี เพราะทั้ง 3 ด้าน คือหัวใจของการท่องเที่ยวที่จะยกระดับให้กับการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันเป็นอย่างมาก
“เศรษฐา” เผยกลางวงเอกชนโผ “ครม.”ยังไม่จบ ยันเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ เร่งเแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นลดหนี้ เพิ่มรายได้
ข่าวที่น่าสนใจ
ต่อมานายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยมี ส.ส. ในจังหวัดแถบนี้ แต่ต้องขอขอบคุณคนที่ทำงานในพื้นที่ และ ขอบคุณสส.จากพรรคร่วมรัฐบาลที่มาในวันนี้ พรรคเพื่อไทยยึดโยงกับประชาชนเป็นสำคัญและรับฟังปัญหา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่นักการเมืองควรต้องปฏิบัติ และแม้ไม่มีสส.ตนก็จะมาอีก ซึ่งภูเก็ต และพังงา เป็นจังหวัดแรกที่ตนมาหลังจากรับสนองพระบรมราชโองการ ไม่ได้ยึดการเมืองเพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ ดูองค์รวม และการพัฒนาประเทศเป็นหลัก ไม่ได้ดูเชิงการเมือง ซึ่งวันนี้จีดีพีเราตกต่ำมาก การแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นต้องพึ่งการลดหนี้และการเพิ่มรายได้ ซึ่งจะทำได้รวดเร็วคือเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก
นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ตนและพรรคเพื่อไทยไม่ได้มาคนเดียว มาพร้อมน.พ.พรหมมินท์ อดีตเลขานายกฯทักษิณ ซึ่งสมัยเกิดสึนามิท่านก็มีความรู้เยอะเรื่องโซนนี้ และมีคณะทำงานจากพรรคเพื่อไทย ทั้งคณะคมนาคมและท่องเที่ยว และมีว่าที่รมต.หลายคนมาด้วยแต่ไม่เหมาะสมที่จะพูดตอนนี้ เพราะยังไม่จบ
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า วันนี้ เรามาเต็มทีม รวมถึงผู้ว่าฯการท่า ที่มาร่วมรับฟังปัญหาใหญ่ ไม่ว่าเรื่องการขยายสนามบิน สร้างสนามบินอินเตอร์ใหม่ที่พังงา ซึ่งเครื่องบิน เอ 380 ไม่มีปัญหายังไงก็แลนด์ดิ้งได้ แต่เทรนด์สมัยใหม่ไม่ใช่ เอ 380 เพราะเลิกผลิตแล้ว ตอนนี้เป็นโบอิ้ง 787 กับ 777 แต่อย่างไรก็ตามสนามบินใหม่รองรับ เอ 380 ได้
นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหาเรื่องการลงทุนจากการรับฟังปัญหาตลอด 2 วันที่ผ่านมามีโครงการเยอะไปหมด และแต่ละโครงการมีวิธีการวิเคราะห์แตกต่างกันไป บางอันได้ผลตอบแทนต่ำ บางอันไม่ได้ผลตอบแทนเลยไม่คุ้มค่าการลงทุน แต่เราจะดูองค์รวมผลตอบแทนความคุ้มค่าของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งจังหวัดหรือภูมิภาคประกอบ เพราะฉะนั้นหลังครม.ถวายสัตย์ฯเรียบร้อยแล้วรัฐบาลคงไม่ดูแยกเป็นโปรเจค เราจะดูองค์รวมทั้งหมดไม่ใช่แค่ภูเก็ตหรือพังงาอย่างเดียว และไม่ใช่แต่ทำงานเชิงรุกอย่างเดียว แต่ต้องกลับมาดูปัญหาหลังบ้านทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการพัฒนา ปัญหาโรงขยะ ปะปา โรงบำบัดน้ำเสียที่เราต้องพัฒนาควบคู่กับการเจริญเติบโตของงเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะใช้งบประมาณมาก ขณะที่เรื่องความมั่นคงก็สำคัญ เช่นการยกเว้นวีซ่าทักท่องเที่ยวจีน อินเดีย รัสเซีย เพื่อให้การเข้ามาสะดวกมากขึ้น เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-