หากไม่มีอะไรผิดพลาด “รัฐบาลสลายขั้วของ” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี น่าจะเรียบร้อยลงตัวในวันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม โดยโควต้ารัฐมนตรี 35 ตำแหน่งของแต่ละกระทรวงได้ถูกจัดสรรแบ่งปันกันอย่างลงตัวตามสัดส่วน และพลังอำนาจในการต่อรองของแต่ละพรรคการเมือง
นอกเหนือจากจาก 35 เก้าอี้รัฐมนตรีที่กล่าวมานั้นยังมีตำแหน่งสำคัญที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญทางการเมือง และใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีมากที่สุด คือ ตำแหน่ง “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ซึ่งว่ากันว่าพรรคเพื่อไทยวางตัว “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” หรือหมอมิ้ง ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว
สำหรับตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถือเป็นตำแหน่งสำคัญอย่างยิ่งถึงขนาดกล่าวได้ว่านี่คือตำแหน่ง “นายกฯน้อย” เนื่องจากต้องให้คำปรึกษาและเป็นผู้ร่วมกำหนดทิศทางการบริหารงานให้นายกรัฐมนตรีทุกขั้นตอน ดังนั้นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวต้องได้รับความไว้วางใจ และเป็นที่ยอมรับจากบรรดาแกนนำพรรคการเมือง อีกทั้งต้องมีคุณสมบัติโดดเด่นหลายประการที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ล้ำค่าดังกล่าว
ดังนั้นชื่อของ “หมอพรหมมินทร์” จึงตอบโจทย์มากใครในพรรคเพื่อไทย เพราะนายแพทย์พรหมมินทร์คือมันสมองตัวจริง เนื่องจากที่ผ่านมาเขาคือผู้กำหนดยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ของพรรคไทยรักไทย พลังประชาชนมาจนถึงเพื่อไทย ทุกครั้งที่มีการประชุมของพรรคไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่นายแพทย์พรหมมินทร์จะนั่งอยู่บนหัวโต๊ะเสมอมา
ที่สำคัญนายแพทย์พรมมินทร์ถือเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยในยุคแรกร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และถือเป็นคนเดือนตุลาที่เคยกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โดยใช้ชื่อจัดตั้งว่า สหายจรัส
ทั้งนี้แม้ว่าในฉากหน้าเราจะไม่ได้เห็นบทบาทของหมอพรหมมินทร์ในการเปิดหน้ารบทางการเมืองเท่ากับนายภูมิธรรม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ในฉากหลังแล้วทุกยุทธศาสตร์การสู้รบ และการวางหมากในนโยบายสำคัญของเพื่อไทยล้วนกลั่นกรองมาจากความคิดของนายแพทย์พรหมมินทร์ ซึ่งว่ากันว่า นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เขาคือหนึ่งในผู้ขับเคลื่อน และคิดนโยบายดังกล่าว