“เสรีพิศุทธ์” ส่งทนายฟ้อง “บุ้ง ทะลุวัง” เรียก 2 ล้าน ฐานหมิ่นประมาทฯ

"เสรีพิศุทธ์" ส่งทนายฟ้อง "บุ้ง ทะลุวัง" เรียก 2 ล้าน ฐานหมิ่นประมาทฯ

วันนี้ ( 29 ส.ค.) มีรายงานข่าวว่า พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้มอบอำนาจให้ นายมานะ ดวลโคกสูง ผู้รับมอบอำนาจ ยื่นคำฟ้องต่อศาลอาญา เพื่อดำเนินคดี กับนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง เป็นคดีหมิ่นประมาท ,หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา , ดูหมิ่นด้วยการโฆษณา , ขู่อาฆาต พร้อมเรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท

 

 

โดยคำฟ้อง ระบุว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา จำเลยคือนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม ได้ให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชนหลายแขนง โดยหยิบยกประเด็นที่โจทก์เคยให้สัมภาษณ์สื่อ เกี่ยวกับเรื่องความประพฤติของเด็กหญิงนักเคลื่อนไหวการเมือง แนวร่วมกลุ่มทะลุวัง วัย 15 ปี ที่มีพฤติกรรมนอกกรอบ ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน ผู้ปกครอง และไม่ยอมปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางโรงเรียน โดยโจทก์ได้ระบุเป็นเชิงเปรียบเทียบว่าถ้าเป็นลูกของโจทก์จะฆ่าให้ตาย ซึ่งเป็นเพียงคำพูดที่แสดงให้เห็นว่าเยาวชนดังกล่าวประพฤติตนไม่เหมาะสมอย่างยิ่งจนคนที่เป็นพ่อแม่รับไม่ได้ ไม่ได้มีเจตนาอาฆาตมาดร้าย หรือต้องการจะทำร้ายแต่อย่างใด

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

แต่จำเลยกลับ ใช้ประเด็นดังกล่าว มาพูดจาใส่ร้ายโจมตีตน โดยหวังผลทางการเมือง โดยระบุว่า ในทำนองว่าเป็นผู้ใหญ่ แต่กลับทำตัวไม่เหมาะสม อาฆาตมาดร้าย ข่มขู่เอาชีวิตเด็ก สะท้อนให้เห็นว่า โจทก์เป็นคนไม่ดี และมีผู้ที่ได้ไปยื่นตรวจสอบจริยธรรมตนต่อรัฐสภาแล้ว แต่เยาวชนที่ถูกพาดพิงอาจไม่ติดใจเอาความโจทก์ สุดท้ายจำเลยยังข่มขู่อาฆาตโจทก์ โดยใช้คำว่าไอ้ เรียกโจทก์ ต่อหน้าสื่อมวลชน ซึ่งเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามโจทก์อย่างแรง

ทั้งนี้อดีตโจทก์เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในชั้นตราต่างๆหลายชั้นตรา ทั้งได้รับการประกาศเกียรติคุณไว้อย่างมากมาย ประการสำคัญโจทก์เคยได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีเหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 การกระทำของจำเลยจึง เป็นการดูหมิ่น และหมิ่นประมาทโจทก์ต้องการให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงและได้รับความเสียหาย ทั้งที่โจทก์กับจำเลยไม่เคยรู้จักกันมาก่อน โจทก์ไม่เคยกล่าวตำหนิจำเลยด้อยค่าจำเลยหรือทำให้จำเลยได้รับความเสียหายใดๆมาก่อนทั้งสิ้น การให้สัมภาษณ์ ของจำเลยเป็นการกล่าวไม่มีพยานหลักฐานหรือข้อเท็จริงใดมารองรับ เป็นการกล่าวเพื่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่โจทก์ทั้งสิ้น การที่จำเลยกล่าวถึงโจทก์เช่นนี้จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์และต้องการทำให้โจทก์เสียหาย

 

ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ยากที่จะเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโจทก์ได้ โจทก์จึงขอเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นเงิน2 ล้านบาท เพื่อเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น และขอให้ศาลพิจารณาเรียงกระทงลงโทษจำเลย ทุกกรรมความผิด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

โผล่อีก “หมู่บ้านเขมร” จองแผ่นดินไทย อึ้ง! อุ้มลูกเดินยั้วเยี้ย ตร.เพิ่งจะจับ
งามไส้! “หนุ่มไทย” พกปืน-กระสุนใส่เต็มแม็ก คุ้มกัน “พม่าเถื่อน” เข้าเมือง
ผู้นำสหรัฐเรียกนายกฯแคนาดาว่า” ขี้แพ้”
เพจดังจับโป๊ะพรรคส้ม ขุดยับ “เท้ง-ไอซ์” นำทีมสส.ร่วมทริปกมธ. บินเกาหลีใต้ ใช้งบฯหลักล้านคาใจดูงานแน่เปล่า
มัสก์จี้ข้าราชการอเมริกันเขียนรายงานวันๆทำอะไรบ้าง
ผู้ปกครองพา "ด.ช.วัย 13" ร้องสายไหมต้องรอด ถูกสาวสอง สร้างไอจีปลอม ลวงทำอนาจาร
"ทักษิณ" เอ่ยขออภัยเหตุการณ์ "ตากใบ" ปี 47 ลั่นไม่ตกใจ เหตุบึ้มรถในสนามบินนราฯ รับลงชายแดนใต้
“ทักษิณ” ลั่นปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องจบในรัฐบาลนี้ ยึดการพูดคุย เป็นแนวทางสร้างสันติสุข
เลขาธิการ สปส. แจงเสถียรภาพ "กองทุนประกันสังคม" ย้ำชัดสิทธิประโยชน์ดีเพิ่มขึ้นทุกปี
คึกคักสุดๆ แห่เที่ยวตามรอย "ลิซ่า" ในซีรีส์ The White Lotus 3 ทำยอดจองโรงแรมเกาะสมุยพุ่ง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น