ใครเป็น "โรคหัวใจ" ต้องรู้ เช็คลิสต์ 6 วิธีดูแลสุขภาพช่องปากที่ผู้ป่วยไม่ควรมองข้าม เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือดอันตรายต่อชีวิต
ข่าวที่น่าสนใจ
นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เผยว่า สุขภาพช่องปาก เป็นเรื่องที่ควรให้ความใส่ใจและดูแลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ป่วยเป็น “โรคหัวใจ” เนื่องจาก ปัญหาโรคเหงือกและฟันมีความเกี่ยวข้องกับโรค หัวใจ
หากพบว่า ในช่องปากมีโรคเหงือก ฟันผุ หรือหนองจากฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน จะทำให้เกิดอาการปวดฟัน รากฟันอักเสบเป็นหนอง และอาจเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดไปตามอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงหัวใจ ทำให้เกิดพยาธิสภาพที่หัวใจได้
นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อระบบการกลืนอาหาร การหายใจ หรือการมองเห็น ดังนั้น การดูแลสุขภาพช่องปากจึงมีความสำคัญ ไม่เพียงเพื่อป้องกันการเกิดโรคในช่องปาก แต่รวมถึงโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมาจากปัญหาสุขภาพช่องปาก
สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากต่าง ๆ
มักเกิดจากพฤติกรรมของผู้ป่วย อาทิเช่น
การสูบบุหรี่
- ทำให้เกิดปัญหากลิ่นปาก
- และโรคปริทันต์อักเสบ
การรับประทานของหวาน
- ของว่างระหว่างมื้อบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดฟันผุ
- ฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน
การเคี้ยวของแข็ง
- ส่งผลทำให้ฟันบิ่น หรือฟันแตก
การรับประทานยาหลายชนิด
- อาจทำให้เกิดภาวะปากแห้ง
การแปรงฟันแรง
- แปรงฟันไม่ถูกวิธี อาจทำให้ฟันสึก หรือฟันผุ
ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ เพื่อลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพช่องปากในอนาคต
ข้อควรระวัง และการเตรียมตัวในการทำฟันของผู้ป่วย “โรค หัวใจ”
- ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัว ขอใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันว่าสามารถทำฟันได้หรือไม่ รวมถึงข้อควรระวัง ชนิดของโรค หัวใจที่เป็น และยาที่รับประทานอยู่
- ต้องแจ้งทันตแพทย์ทุกครั้งเกี่ยวกับชนิดของโรค หัวใจ ยาที่รับประทาน รวมถึงปัญหาที่ผู้ป่วยเคยมีในการทำฟัน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ประจำตัวและทันตแพทย์อย่างเคร่งครัดในการปรับ หรืองดยาละลายลิ่มเลือด การเจาะเลือดก่อนการทำฟัน การรับประทานยาปฏิชีวนะก่อนทำฟัน และการปฏิบัติตนภายหลังการทำฟัน
- ผู้ป่วยไม่ควรหยุดยาใด ๆ มาเอง หากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือทันตแพทย์
วิธีการดูแล และป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปาก
1. แปรงฟันอย่างถูกวิธีด้วยแปรงสีฟันขนนุ่มและยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
2.ใช้ไหมขัดฟัน หรือแปรงซอกฟัน เพื่อทำความสะอาดบริเวณด้านประชิดของฟัน
3. ควรพบทันตแพทย์ตามนัดหมายเป็นประจำทุก 6 เดือน หากปรับพฤติกรรมที่ไม่ดีร่วมกับการดูแลฟันอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำของแพทย์ ก็สามารถช่วยลดปัญหาสุขภาพช่องปากในระยะยาวลงได้
ข้อมูล : กรมการแพทย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง