ปิดดีลประวัติศาสตร์ “บางจากฯ” ซื้อ “เอสโซ่”

บางจากฯ ชำระค่าหุ้น 65.99% ของเอสโซ่ (ประเทศไทย) เสร็จสิ้น ปิดดีลประวัติศาสตร์ด้านพลังงาน รุกขึ้นแท่นผู้นำในธุรกิจโรงกลั่น พร้อมเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,200 แห่ง เริ่มทยอยเปลี่ยนป้ายเป็นสถานีบริการน้ำมันบางจากภายใน 2 ปี

วันที่ 31 ส.ค.66 บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ดำเนินการชำระราคาซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO จำนวน 2,283,750,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 65.99 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของเอสโซ่ (ประเทศไทย) เสร็จสิ้นในราคาประมาณ 9.8986 บาทต่อหุ้น คิดเป็น22,605,926,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บางจากฯ จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของเอสโซ่ (ประเทศไทย) อีกร้อยละ 34.01 โดยกำหนดระยะเวลาทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ตั้งแต่ 8 กันยายน ถึง 12 ตุลาคม 2566

 

 

 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ของบางจากฯ ในครั้งนี้ นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญสำหรับทั้งอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศและสำหรับบริษัทฯ สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เสริมสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงานระดับประเทศและระดับภูมิภาค โดยบริษัทฯ จะเข้าดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันขนาดกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 800 แห่งได้ทันที

 

 

โดยกลุ่มบริษัทบางจาก จะมีกำลังการกลั่นน้ำมันสูงสุดในประเทศรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน จากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลก 2 แห่งคือ โรงกลั่นบางจาก พระโขนง และโรงกลั่นบางจาก ศรีราชา สามารถดำเนินธุรกิจได้ครบวงจรมากขึ้น ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้งสอง เพิ่มความหลากหลายในการจัดหาน้ำมันดิบ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาและขนส่งน้ำมันดิบร่วมกัน เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์จากแผนบำรุงรักษาโรงกลั่นร่วมกัน

 

 

 

ในขณะที่การให้บริการด้านการตลาดจะครอบคลุมและนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศรวมกว่า 2,200 แห่ง โดยเครือข่ายสถานีบริการของเอสโซ่ ผลิตภัณฑ์และน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน จะเข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์บางจาก ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงน้ำมันบางจากได้มากขึ้น ทั้งนี้ สถานีบริการน้ำมันของเอสโซ่ จะเริ่มทยอยเปลี่ยนป้ายเป็นสถานีบริการบางจากภายใน 2 ปี รวมทั้งจะทำให้บางจาก มีส่วนแบ่งทางการตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 30% จากปัจจุบันบางจากอยู่ที่ 16.3 % และเอสโซ่อยู่ที่ 13.7

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยในวันนี้ (31 ส.ค.66) บางจาก ได้รับโอนใบหุ้นจากการซื้อหุ้น ESSO สำเร็จ คืนนี้สินทรัพย์จะเปลี่ยนเป็นของบางจาก 00.01 น. น้ำมันในสถานีบริการน้ำมันของ ESSO จะเปลี่ยนเป็นสูตรของบางจาก โดยสังเกตจากสติกเกอร์ ที่หัวจ่าย ส่วนสถานีบริการน้ำมันทั้งหมดจะใช้เวลาเปลี่ยนผ่าน 2 ปี โดยสถานีบริการน้ำมัน 832 สาขาเป็นสถานีบริการน้ำมันที่ ESSO ลงทุนบริหาร 280 สาขา และส่วนที่เหลือจะเป็นของดีลเลอร์ โดยจะมีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านประมาณ 90 วัน ซึ่งบางจากจะเข้าไปทยอยเปลี่ยนน้ำมันต่างๆ ของปั๊มเอสโซ่ ให้ เป็นสูตรของบางจากทั้งหมด พร้อมมองว่า ในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ บริษัทจะสามารถดำเนินธุรกิจและคืนทุนได้ใน 5 ปี หลังจากนี้

 

 

นายชัยวัฒน์ ระบุว่า สำหรับลูกค้าเอสโซ่ ซึ่งเป็นสมาชิกบัตรเอสโซ่สไมลส์ ยังสามารถสะสมคะแนน และแลกคะแนนเอสโซ่สไมล์ ได้อีก 1 ปีจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ภายใต้บัตรเดิม หรือสามารถโอนคะแนนสะสมมาเป็นสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ โดยจะได้รับคะแนนโบนัสพิเศษเพิ่ม 100 คะแนน หากทำการโอนย้ายคะแนนภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566

ทั้งนี้ สำหรับสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมลส์ นอกจากจะสามารถนำคะแนนสะสมจากการเติมน้ำมันและซื้อสินค้าในเครือบางจากฯ มาใช้เป็นส่วนลดหรือทำประโยชน์อื่นๆ ตามไลฟ์สไตล์ของตนแล้ว ยังสามารถรับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคืนเป็นคะแนนพิเศษเพิ่มเมื่อเติมน้ำมันในวันแรกที่ปรับขึ้นราคา และยังร่วมบริจาคเงินจากการสะสมคะแนนให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ

 

 

 

ส่วนกรณีที่ รัฐบาลให้จะเปิดนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในแต่ละเดือน บางจากมีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปประมาณ 80-90 ล้านลิตรต่อเดือน หรือจีเบส เพื่อนำมาผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในประเทศ และโดยเฉพาะช่วงปิดซ่อมโรงกลั่น บริษัทได้มีการนำเข้าน้ำมันดีเซล ซึ่งการนำเข้า-ส่งออกน้ำมันสามารถทำได้ เพราะเป็นตลาดเสรีที่มีการซื้อขาย และราคาน้ำมันที่ต่างกัน มาจากภาษีสรรพสามิต ภาษีท้องถิ่น ค่าขนส่ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอื่นๆ ประมาณ 12 บาทต่อลิตร

โดยราคาน้ำมันในประเทศแพงกว่าราคานำเข้าเนื่องจากมีภาษี แต่หากจะให้ราคาน้ำมันในประเทศเท่ากับราคาน้ำมันนำเข้า รัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแลในเรื่องของภาษี ซึ่งรัฐบาลจะต้องหารือร่วมกันถึงแนวทางอีกครั้ง

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดเศร้า "นักเรียน ม.4" เรียนวิชาพละ  วิ่งได้ 200 เมตร หัวใจวายเสียชีวิต
"ณัฐวุฒิ" โอ่คนไทยอ่านขาดแล้ว เกมฝ่ายขวาจัด ปลุกชาตินิยม ล้มรบ. เย้ยรอบนี้ไม่ง่ายเหมือนก่อน
เปิด 40 รายชื่อ สรุปยอดผู้สมัคร ป.ป.ช. พบคนดังเพียบ
"ยายวัย 80 ปี" เครียดอยากจบชีวิต หลังถูก "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" หลอกโอนเงินเก็บเกลี้ยงบัญชี
"ร้านเนื้อย่างดัง" โพสต์ตามหา "ลูกค้า" โอนเงินค่าอาหารเกิน 2 แสนบาท
กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 10 เตือน ปชช.ไทยตอนบนอากาศแปรปรวน ภาคใต้ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
ระทึก ! บุกยิงบ้านผู้ใหญ่ โบว์ คาดว่า การเมือง ท้องถิ่นเป็นเหตุ
‘บิ๊กต่าย’ เผยตร.ทำงานยังคงทำคดี ‘ดิไอคอน’ ตามที่ DSI ร้องขอ
ครูบาอริยชาติ เกจิภาคเหนือวัดแสงแก้วโพธิญาณ เชียงราย สร้างพระพุทธเมตตา จากหยกรัสเซียใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักกว่า 10 ตัน
นายกฯ-สามี พา "น้องธิธาร" ลูกสาว วิ่งเล่นสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น