‘จ่าชัยวัฒน์’ อดีตยอดนักสืบ เผย ถุงดำคลุมหัวมีมาแต่อดีต เตือน ตร.รุ่นน้อง อย่ามักมากในลาภผล

อดีตนักสืบคนดังเมืองตรัง เผย ถุงดำคลุมหัวมีมาแต่อดีต เตือน ตร.รุ่นน้อง อย่ามักมากในลาภผล

ด.ต.ชัยวัฒน์ เส้งนุ้ย หรือจ่าชัยวัฒน์ อายุ 63 ปี อดีตตำรวจนักสืบคนดังแห่งเมืองตรัง และเป็นบุคคลกว้างขวางมีชื่อก้องในสังคม ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ถึงกรณีมีคลิป พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนพล หรือ “ผกก.โจ้” ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวก ใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติดก่อนเสียชีวิตว่า ตนเองเริ่มบรรจุเป็นข้าราชการตั้งแต่อายุ 18 ปี ในปี พ.ศ.2519 หรือเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา โดยสังกัดตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) หรือทหารของราชินี ก่อนจะย้ายสายมาสังกัด ตำรวจภูธรจ.ตรัง ที่ สภ.ปะเหลียน และได้ลาออกจากราชการเมื่อปี พ.ศ.2550 เหตุผลเพราะลงเล่นการเมืองท้องถิ่น

 

ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า  หลังจากเห็นคลิปดังกล่าวแล้วรู้สึกอนาถใจ โดยเหตุการณ์คลุมถุงดำแบบนี้เกินขึ้นมานานแล้ว ยอมรับว่ามีจริง มากว่า 30 ปีแล้ว จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ตนได้พบเห็นรุ่นพี่กระทำอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่ย้ายเข้ามาสังกัดตำรวจภูธร ในตำแหน่งหน้าที่หน่วยปฎิบัติการพิเศษ แต่ในขณะอยู่ในสังกัด ตำรวจ ตชด. ไม่เหตุเคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะเกิดหรือมีขึ้นในปัจจุบัน แต่ในครั้งนี้เป็นเพราะโลกโซเซียลมีเดีย การสื่อสารกว้างไกลมากขึ้น เลยทำให้มีคลิปออกมา โดยการกระทำเช่นนี้กับผู้ต้องหา เป็นเพราะวิธีการพิจารณาความอาญาถูกแก้ไขช่วงหลัง ให้ตำรวจมีอำนาจมากขึ้น ในเรื่องของการสืบสวน

 

ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า  สิ่งที่กระทบและต่างกันมากของตำรวจรุ่นหลังคือค่านิยม และระเบียบ โดยตำรวจรุ่นเก่า ไม่เหมือนกับสมัยนี้ และในปัจจุบันระเบียบตำรวจเข้มงวดมากขึ้น มองหรืออ่านดูแลสวยงาม แต่เนื้อแท้ระเบียบยิ่งเข้มงวดมากเท่าไร มีอำนาจให้ตำรวจมากเท่าไร ถ้าไปอยู่ที่คนไม่ดี ก็จะหยิบฉวยความเข้มงวดตรงนั้น มาเป็นประโยชน์ส่วนตน ทำให้มีตำรวจเลวเกิดขึ้นเยอะ หากเหตุการณ์ที่ทำร้ายผู้ต้องหาเช่นนี้เป็นเมื่อก่อน จะถูกลงโทษทางวินัยขั้นเด็ดขาดจากผู้บังคับบัญชา แต่ปัจจุบันใครหาเงินให้นายได้เยอะ เด็กเมื่อวานซีนมันก็เรียกรุ่นพี่ว่าไอ้ ผิดจากเมื่อก่อนที่รุ่นน้องต้องฟังและเคารพรุ่นพี่ ค่านิยมในเรื่องตัวเงินเช่นนี้เป็นปัจจัยหลัก

 

ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า มันเลยทำให้ตำรวจเลว ทำลายตำรวจดี แต่กลับกลายว่าตำรวจเลวเหล่านี้ กลับโดดเด่นถูกเห็นชอบจากกลุ่มผู้มีอำนาจและผู้บังคับบัญชา เลยทำให้เห็นว่าเด็กหรือตำรวจอายุน้อยๆ ในปัจจุบันได้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด ทั้งๆที่ตำรวจที่มีคุณธรรมหาเงินให้นายได้น้อย  เริ่มถดถอยยังอยู่ในตำแหน่งต่ำต้อย ตำรวจเลวเริ่มเข้ามาแทนที่ โดยหากตนอยู่ในเหตุการณ์นั้นตนก็จะหลีกเลี่ยงเช่นเดียวกับผู้ที่ออกมาร้องและนำคลิปมาเผยแพร่ แต่ในคลิปเพราะอำนาจของตำรวจที่มีบัตร ป.ป.ส.ให้อำนาจควบคุมตัวได้ 24 ชม.ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ทำให้ตำรวจไม่ดีนำเอาช่องว่างตรงนี้ รวบรวมเงินกันเองไปตั้งเซฟเฮ้าส์ ที่อยู่ในพื้นที่ลับ คิดเอาว่าตำรวจเอาเงินที่ไหนมาทำมาเช่น เพราะใช้เงินราชการไม่ได้ ก็ทำให้ต้องหาเศษหาเลยจากตรงนี้

 

ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวปิดท้ายว่า มองจากคลิปแล้วไม่ได้เป็นการพลั้งเผลอ ทุกคนรู้ระเบียบการพิจารณาความอาญา และที่ได้กระทำเช่นนี้เพราะความโลภ ผลประโยชน์นอกระบบ  จึงถูกบังคับให้กระทำเช่นนี้ โดยตนวิเคราะห์เหตุการณ์ ผกก.โจ้ ครั้งนี้ว่า ตำรวจที่จับกุมจะต้องวิเคราะห์สถานะการเงินของผู้ต้องหา แต่ยังไม่รู้ว่าจะให้เงินตำรวจเท่าไร และต้องมั่นใจว่าจะต้องได้เงินแน่นอน และทำไมถึงคิดว่าได้ ก็เพราะเคยกระทำและเคยได้มา เมื่อจับกุมมาแล้ว ถ้าได้ของกลางเยอะ เงินก็จะได้เยอะ ก็เลยเรียกเงิน 1 ล้านบาท แต่เมื่อของกลางที่จับได้น้อย เลยทำการใช้ถุงดำครอบศีรษะเพื่อที่จะเค้นว่าของกลางที่เหลืออยู่ ซุกซ่อนอยู่ที่ไหน เพื่อที่จะนำเอาของกลางมาเพิ่มจำนวนเงินที่จะเรียกเพิ่มอีก 1 ล้านบาท เป็น 2 ล้านบาทหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับปริมาณของกลาง  และเมื่อกระทำการคลุมถุงดำแบบนี้ทุกคนกลัวตาย ก็จะบอก แต่กรณีนี้ผู้ต้องหากลับเสียชีวิตลงก่อน

 

“ท้ายสุดอยากฝากบอกตำรวจรุ่นน้องว่า การเป็นตำรวจจะต้องตีความหมายของคำว่า “ตำรวจ” ให้ชัดโดยที่ไม่ต้องเปิดพจนานุกรม เอาจิตใจมาว่ากัน  ต.เต่า คือตรากตรำ สระอำ คือ อำนาจ ร. เรือคือ ระเบียบ ว. แวน คือ วินัย จ.จาน คือจับ เลยอยากให้ตำรวจรุ่นน้องอ่านคำว่าตำรวจ แล้วแปลด้วยจิตสำนึกเลยว่าในอักษรที่ปรากฏว่าตำรวจมีอะไรบ้าง พ่อตนเคยเป็นอดีตตำรวจมือปราบแห่ง จ.พัทลุง จะเขียนไว้บนขั้นบันไดว่า “อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล” น้องๆตำรวจลืมหมด เพราะน้องๆกำลังมีค่านิยมเหมือนเจ้านาย ขาดแรงจูงใจ ขาดค่านิยม ขาดวัฒนธรรม ที่ดี และขาดผู้นำที่ดี ทำให้ความโลภเหล่านี้จะกลับมาทำร้ายเรา แต่สิ่งเหล่านี้ฝากไปถึงน้องๆตำรวจคงไม่ได้ผล จะต้องฝากไปถึงกรมตำรวจ ผู้มีอำนาจ หากหัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก นี่คือปรัชญาที่แน่นอน และมันส่ายกันมาแล้ว แต่เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีมันก้าวไกล สิ่งไม่ดีเหล่านั้นเลยโผล่ออกมา” ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ล่วงฆ่าแม่ยายอัยการ สืบสัตหีบ ไล่กล้องวงจรปิดพบเก๋งคนร้าย มารับตัวก่อนลวงไปฆ่าชิงทรัพย์ ล่าสุด เจอตัวแล้ว
ตำรวจสืบภาค 2 และตำรวจหนองขาม ควบคุมตัวหญิงผู้ต้องสงสัย พร้อมรถยนต์เก๋ง คดีล่วงฆ่าชิงทรัพย์แม่ยายอัยการ ล่าสุดให้การปฏิเสธ ในขณะสามีผู้สงสัยหายตัว
จังหวัดสุรินทร์ จัดยิ่งใหญ่งานแสดงช้าง กับ 5 องค์การแสดง นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ แห่ชมแน่นสนาม ด้านรัฐมนตรีศึกษาธิการนั่งช้างเปิดงาน
สีจิ้นผิงหนุนเร่งสร้างทางรถไฟจีน-ไทย ขยายความร่วมมือเกิดใหม่
"กองบิน 46" ประกอบพิธีทำบุญทอดกฐินสามัคคี ประจำปี2567
คาด่าน "รถ18 ล้อ" ดัดแปลงใต้ท้องรถซุกแรงงานต่างด้าว 8 คน ไม่พ้น สายตาจนท.ด่านตรวจ
คุมตัว “กฤษอนงค์” เค้นสอบ เจ้าตัวไหว้สวย ยิ้มแย้มไร้กังวล ด้านพนักงานสอบสวน คัดค้านการประกันตัว เตรียมฝากขังศาลภายใน 48 ชม.
ชาวสัตหีบชาวไทยและต่างชาติ ร่วมลอยกระทง สืบสานประเพณีไทย
วัดแทบแตก!! ผู้คนแห่ ”ลอยกระทง” ท่าน้ำประวัติศาสตร์”หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ” วัดคงคาเลียบเมืองคอน -อบต.ท่าชักเตรียมสนองนโยบายรัฐบาลทุ่มพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทาง ศาสนาศิลปะวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
"ทนายรณรงค์" เข้าให้ปากคำคดีทนายตั้ม รับแปลกใจเพื่อนรวยผิดปกติ ย้ำไม่เคยรู้จัก “เจ๊อ้อย”

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น