วันที่ 7 ก.ย. 66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้ลงพื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม เพื่อติดตามคดีคนร้ายยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รองผู้กำกับการ 2รอง ผกก.2 บก.ทล ได้รับบาดเจ็บ
โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์หลังเข้าติดตามความคืบหน้าคดี กับชุดคลี่คลายคดี นานกว่า 1 ชั่วโมง โดยระบุว่า จากการสอบปากคำ “กำนันนก” ยังให้การอ้างว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในครั้งนี้ และยังให้การไม่เป็นประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังจะเดินหน้า รวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนพยานบุคคล พร้อมทั้งตรวจสอบร่องรอยการใช้อาวุธปืน เพื่อประกอบสำนวนในการแจ้งข้อหาได้ รวมถึงการสอบปากคำว่า ใครสั่งให้ทำลายพยานหลักฐาน ซึ่งจากการสอบปากคำชัดเจนว่า คนที่สั่งคือกำนันนก ดังนั้น ก็ถือว่ามีความผิดในฐานร่วมกันกระทำความผิด
ส่วนผลการตรวจค้น บ้านกำนันนก และบ้านของนายหน่อง วันนี้พบอาวุธปืน ในบ้านบ้านกำนัน นก 10 กระบอก ส่วนบ้านนายหน่อง พบ 1 กระบอก แต่ไม่ใช่กระบอกที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยปืนที่ใช้ก่อเหตุคือ กล๊อก ซึ่งนายหน่องเอาติดตัวไปด้วย
โดยขณะนี้ เชื่อว่า นายหน่อง ยังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่ จ.นครปฐม และราชบุรี ยังไปไม่ถึงกาญจนบุรี ไม่ได้ไปไหนไกล สิ่งสำคัญคือการติดตามตัวผู้ต้องหาให้ได้ และเชื่อว่าน่าจะได้ตัวในเร็ววัน ส่วนจะหลบหนีอยู่ในบ้านของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือไม่ ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า มีคนช่วยเหลือเป็นเจ้าหน้าที่หรือไม่ด้วย และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อขอเข้ามอบตัว พร้อมยืนยันว่า หากนายหน่องมีการต่อสู่ขัดขืน ก็พร้อมใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เพราะผู้ต้องหามีอาวุธปืนติดตัว
ส่วนกรณีในที่เกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ไม่ได้มีการดำเนินการ เข้าควบคุมสถานการณ์หรือเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา อีกทั้งยังปล่อยให้มีการทำลายหลักฐาน ทั้งคราบเลือด กระสุนปืน และ Server กล้องวงจรปิดอีกกว่า 10 เครื่องใกล้จุดเกิดเหตุเพื่อปิดบังพฤติกรรมคนร้าย และการหลบหนี ขณะเดียวกัน การสอบปากคำ ตำรวจ 21 นาย ที่อยู่ในวันเกิดเหตุ เบื้องต้นมีการสอบปากคำไปบางส่วน แต่ยังให้การไม่ตรงกัน โดยในวันพรุ่งนี้จะเรียกทั้งหมดมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งหากพบว่ามีใครเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด แล้วละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เข้าจับกุมผู้ก่อเหตุก็จะถูกลงโทษ