จากกรณีคดียิงสารวัตรศิวกรเสียชีวิตภายในบ้านของกำนันนกที่จังหวัดนครปฐมซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีการจัดงานเลี้ยงประจำเดือนกันยายนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในและนอกพื้นที่จังหวัดนครปฐมจำนวนมากกว่า 20 นาย ซึ่งภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ภายในงานไม่ได้มีการเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุหรือผู้เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังพบเรื่องการทำลายพยานหลักฐานภายในที่เกิดเหตุ ซึ่งหนึ่งในนั้นพบว่าเป็นผู้กำกับการสน. พญาไทซึ่งอยู่ในพื้นที่ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล
บก.น. 1 เตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีผู้กำกับการ สน.พญาไท ไปร่วมงานเลี้ยงประจำเดือนของกำนันนกที่ลานบ้านในจังหวัดนครปฐม ว่าเป็นการเบียดบังเวลาราชการหรือเป็นการกระทำผิดทางวินัยหรือไม่ ล่าสุดเจ้าตัวส่งรายงานชี้แจงแล้วว่าไปร่วมงานได้เนื่องจากมีรุ่นพี่ตำรวจชวนไปร่วมงาน
ข่าวที่น่าสนใจ
พลตำรวจตรีอัฏธพร วงศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่าเบื้องต้นตนเองได้สั่งการให้ผู้กำกับการสน. พญาไท ทำรายงานแจ้งเหตุผลในการเดินทางไปร่วมงานที่บ้านกำนันนกในวันเกิดเหตุว่าเดินทางออกนอกพื้นที่ได้อย่างไร และชี้แจงรายละเอียดภายในช่วงก่อนและหลังเกิดเหตุทั้งหมด ซึ่งผู้กำกับการสน. พญาไท ได้ให้เจ้าหน้าที่นำรายงานมาส่งให้ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
โดยผู้กำกับการชี้แจงว่าไปร่วมงานดังกล่าวได้เนื่องจากมีรุ่นพี่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่ไปร่วมงานชวนตนเองให้ไปร่วมงานด้วย ในฐานะที่ในอดีตเคยสังกัดกองบังคับการตำรวจทางหลวงมาก่อน โดยเดินทางออกนอกพื้นที่นครบาลช่วงหลังเวลาเลิกงาน ซึ่งเจ้าตัวระบุว่าไม่ได้เป็นการเบียดบังใช้เวลาราชการไปทำเรื่องส่วนตัว ส่วนในระหว่างเกิดเหตุผู้กำกับการนั่งเก้าอี้อยู่ฝั่งตรงข้ามสารวัตรศิวกร
ส่วนรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดได้ให้ปากคำกับชุดสืบสวนสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจสอบสวนกลางแล้ว จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดให้ทราบได้เนื่องจากอยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งจนถึงขณะนี้ผู้กำกับการสน. พญาไทก็ยังไม่ได้เดินทางกลับเข้ามาที่สถานีเนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบปากคำเป็นพยานในคดีดังกล่าว
ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น กับผู้กำกับการสน. พญาไทเรื่องการไปร่วมงานดังกล่าวว่าจะเข้าข่ายทำผิดวินัยหรือไม่ โดยจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว ส่วนที่จะจำเป็นต้องให้ไปช่วยราชการหรือไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาตามระเบียบและข้อมูลที่ได้รับ
ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับการไม่ได้เข้าไปจับกุมหรืออาจมีส่วนกับการทำลายพยานหลักฐานซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 เรื่องนี้ทราบว่าทางพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จึงไม่อาจก้าวล่วงได้แต่หากมีการดำเนินคดีจริงก็ต้องพิจารณาตามระเบียบอีกครั้งหนึ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง