“บิ๊กแจ๊ส” ซัดกลุ่มตำรวจ ร่วมงานเลี้ยง “บ้านกำนันนก” เผ่นหนีหน้าตาเฉย ไร้จิตวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

เราต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อน จนพบหลักฐานพอยืนยันได้ว่า คุณมีส่วนร่วมในการฆ่ายังไงค่อยแจ้งข้อกล่าวหา แต่เมื่อมามอบตัวก็มอบไปในฐานะผู้แสดงความบริสุทธิ์ ปล่อยตัวชั่วคราวออกไป หรือเป็นเพราะไม่กล้าอยู่ข้างนอกหรืออย่างไร

ตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมดไม่มีจิตวิญญาณความเป็นตำรวจ นอกจากไม่ช่วยจับคนร้ายและยังหัวหดแยกย้ายกันกลับหมด ไม่มีการควบคุมที่เกิดเหตุ ไม่รักษาสถานที่เกิดเหตุ ผู้จัดการภาค 7 ก็ไม่ลงไปดูพื้นที่เกิดเหตุในคืนวันที่ 6 ยังไม่มีการสอบปากคำตำรวจ 20 กว่านายในที่เกิดเหตุแต่กลับรีบรับมอบตัว และมาสร้างสถานการณ์ว่าใครนั่งตรงไหนอะไรยังไง ซึ่งมันขัดกับสถานการณ์จริงหรือไม่ ซึ่งมีอีกหลายเรื่องอย่างที่ตนชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของตำรวจ แล้วตำรวจพวกนี้ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในท้องที่ไม่ควรให้ดูแลประชาชน

ตำรวจด้วยกันยังดูแลไม่ได้และจะไปดูแลทรัพย์สินพี่น้องประชาชนได้อย่างไร ควรตั้งกรรมการสอบหรือเอาออกไปเถอะ รอยหน้ารอยตาอยู่กันได้อย่างไรไม่หน้าแหกเหรอ ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจลงมาทำคดีเอง วันนี้ที่ตนออกมาพูดไม่ได้อคติกับใครไม่ได้อยากโหนกระแส แต่รับไม่ได้ที่ตำรวจดีๆคนนึงต้องถูกยิงตายไปต่อหน้าขนาดนั้น แล้วกลุ่มผู้กระทำความผิดก็ไม่ได้เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา

ส่วนกรณีที่มือปืนเสียชีวิตนั้น ตนมองว่าคนร้ายมีปืนอยู่แล้วกล้ายิงขนาดนั้น ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะกล้าต่อสู้อย่างแน่นอน ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ชุดจับกุม แต่อยากให้มองในเรื่องของหลักฐานที่จะเอาผิดกำนันนก มันก็หายไปในส่วนที่ผู้ต้องหาตาย แต่ต้องหาพยานหลักฐานอื่นมาประกอบให้ได้ว่า กำนันนกเป็นตัวจ้างสั่งฆ่า ตนขอพูดตามแนวความรู้สึกตน หากรวบรวมพยานหลักฐานไม่ได้ก็มีแนวโน้มที่จะหลุดคดี ดีไม่ดีอาจจะไปหาเหตุผลว่า หน่องกับคนตายไปทะเลาะอะไรกันมาถึงได้มายิง เพราะคนตายตายไปแล้วพูดไม่ได้ อันนี้ก็ขึ้นอยู่จิตสำนึกของเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินคดีนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นพนักงานสอบสวนที่รวบรวมพยานหลักฐาน

ส่วนที่สังคมมองว่าการที่หน่องถูกวิสามัญ เพื่อปิดปาก ตนมองภาพรวมคือเหตุการณ์มันเกิดขึ้นขนาดนี้ตำรวจย่อมไล่ล่าอย่างแน่นอน แต่เหตุการณ์ขณะจับกุมตนไม่ทราบ ที่ผ่านมาตนนำจับหลายคดี ตนก็ต้องเตรียมรับป้องกันตัวไว้ก่อนเ พราะมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมและคนพื้นที่ต้องพร้อมที่จะยิงต่อสู้ ตนขอชื่นชมชุดจับกุม อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์เขา เขาไม่ได้มีเจตนาฆ่าปิดปากหรอก

สำหรับปัญหาที่มันเกิดขึ้นตามแนวทางของตำรวจนั้นพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็พูดชัดเจนแล้วว่า ผู้มีอิทธิพลมันเริ่มต้นจากตำรวจที่ให้ท้ายกันมาอย่างนาน จึงเหิมเกริม ดังนั้นต่อไปนี้หากจะอยู่ในท้องที่ มันก็ต้องมีการปรับบทบาท ดูอุดมการณ์ อุดมคติของตำรวจที่มีอยู่ ว่ามีจิตวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หรือไม่ จึงฝากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ท่านจะเข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่ ว่าจะกู้ชื่อเสียงเกียรติยศของตำรวจกลับมาได้อย่างไร เพราะตอนนี้ คนที่ทำงานจริงก็ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ระบบต้องมีการปรับเปลี่ยน ตนขอฝากไว้อยากเห็นองค์กรตำรวจเป็นที่พึ่งที่แท้จริงของประชาชนอย่างแท้จริง