เลือกตั้งซ่อมระยอง ก้าวไกลก้าวกระโดด-ปชป.ล่มสลาย

เจาะสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ระยอง หลังก้าวไกลประกาศศักดาชนะถล่มทลาย ชี้ผลเลือกตั้งเทฝั่งก้าวไกลแบบก้าวกระโดดบ่งบอกสัญญาณการเมืองในอนาคตการเมืองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ส่วนประชาธิปัตย์สิ้นมนต์ขลังจ่อล่มสลาย

ในที่สุดพรรคก้าวไกลสามารถปักธงคว้าเก้าอี้ สส.ระยองเขต 3 ไปครองได้อย่างสบายมืออีกครั้งส่งผลให้นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ กลายเป็นว่าที่ สส.พรรคก้าวไกลด้วยเสียงท่วมท้น 39,296 คะแนน โดยเอาชนะนายแพทย์บัญญัติ เจตนจันทร์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้คะแนน 26,466 คะแนน ส่วนนายเรืองชัย สมบัติภูธร พรรคแรงงานสร้างชาติ ได้คะแนน 881 คะแนน

 

 

การเลือกตั้งครั้งนี้นายพงศธรชนะการเลือกตั้ง 39,296 คะแนน ซึ่งถือว่ามากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่นายนครชัย ขุนณรงค์ อดีต สส.ระยอง พรรคก้าวไกลได้รับเลือกตั้งมาด้วยคะแนน29,034 แต้ม

ภายหลังการเลือกตั้งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรค และนายพงศธร เปิดแถลงข่าวของคุณพี่น้องชาวจังหวัดระยอง โดยนายพิธากล่าวขอบคุณประชาชนชาวจังหวัดระยอง และผู้ที่มาช่วยหาเสียงทุกคน โดยยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะใช้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นกระดุมเม็ดแรกในการหาเเสียงครั้งต่อไป

 

 

ทั้งนี้หากลงลึกการเลือกตั้งซ่อม สส.ระยองเขต 3 ในครั้งนี้มีสัญญาณบ่งบอกถึงการเมืองในอนาคตที่อาจเปลี่ยนไปสิ้นเชิงแล้ว และอะไรคือสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนไป นั่นคือ การเลือกตั้งครั้งนี้แม้จะมีผู้มาใช้สิทธิไม่มากเท่าที่ควรหากนับจากจำนวนประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 122, 666 คน โดยตัวเลขประมาณการผู้มาใช้สิทธิการเลือกตั้งซ่อมระยองเขต 3 อย่างไม่เป็นทางการอยู่ที่ 66,643 คน คิดเป็น 54.32 เปอร์เซ็น โดยพรรคก้าวไกลได้ 39,296 คะแนน พรรคประชาธิปัตย์ได้26,466 คะแนน ส่วนพรรคแรงงานสร้างชาติได้ 881 คะแนน

ขณะที่การเลือกตั้งใหญ่จังหวัดระยอง เขต 3 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 122,666 คน โดยในครั้งนั้นคนระยองมาใช้สิทธิเลือกตั้ง 95,520 คน คิดเป็น 77.87 เปอร์เซ็นต์

 

ข่าวที่น่าสนใจ

การเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่แล้ว พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งได้ 29,034 คะแนน , ตามมาด้วยพรรคพลังประชารัฐ 21,726 คะแนน, พรรคประชาธิปัตย์ 14,668 คะแนน , พรรคเพื่อไทย 11,647คะแนน ,พรรคชาติพัฒนากล้า 3,772 คะแนน , พรรครวมไทยสร้างชาติ 3,608 คะแนน, พรรคเสรีรวมไทย 2,755คะแนน, พรรคภูมิใจไทย 1,004 คะแนน , พรรคไทยภักดี 606 คะแนน, พรรคไทยสร้างไทย 492 คะแนน และพรรคคลองไทย 158 คะแนน

ส่วนการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ครั้งนี้แม้จะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพียง 54.32 เปอร์เซ็น แต่ปรากฎว่า นายพงศธรจากพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งได้ 39,296 คะแนน ซึ่งผลคะแนนในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มากกว่าของนายนครชัย ขุนณรงค์ อดีต สส.ระยอง พรรคก้าวไกล จากการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาที่ได้คะแนน 29,034 คะแนน โดยห่างกันถึง 10,262 คะแนน นั่นหมายความว่า ก้าวไกลได้คะแนนดิบที่สวิงเพิ่มขึ้นจากพี่น้องชาวจังหวัดระยองถึงหมื่นคะแนนจากการเลือกตั้งครั้งนี้

หากนำตัวเลขจากการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 14 พ.ค. มาเปรียบเทียบจะพบว่า คะแนนจากฝั่งประชาธิปไตยเช่นพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับสี่ด้วยคะแนน 11,647 แต้ม ซึ่งเป็นไปได้หรือไม่ว่า กลุ่มคะแนนตรงส่วนนี้ได้เทกลับมาให้ก้าวไกลแชมป์เก่า ซึ่งตรงนี้ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าก้าวไกลคือตัวเต็งที่จะกวาด สส.ทั่วประเทศมากที่สุดหรือไม่ เพราะหากดูจากการเลือกตั้งซ่อมระยองครั้งนี้พบว่า ก้าวไกลยังครองแชมป์ได้รับความไว้วางใจจากชาวระยองเช่นเดิม และที่สำคัญยังมีคะแนนดิบเพิ่มเข้ามามากพอสมควร ดังนั้นจากนี้ต่อไปในสายตาของทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะเพื่อไทย ก้าวไกลคือศัตรูตัวฉกาจไปแล้ว

กลับมาที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ได้คะแนนเป็นอันดับสองด้วยคะแนน 26,466 แต้ม โดยการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกเป็นอันดับสาม 14,668 คะแนน ซึ่งเท่ากับว่าประชาธิปัตย์ได้คะแนนดิบเพิ่มมาถึง 11,795 คะแนน ซึ่งคะแนนส่วนนี้อาจเทมาจากประชาชนที่เป็นแฟนเหนียวแน่นในฟากฝั่งอนุรักษ์นิยม เช่นพลังประชารัฐที่ตอนนั้นได้รับเลือกมาเป็นอันดับสองถึง 21,726 คะแนน

 

 

อย่างไรก็ตามในกรณีของพรรคประชาธิปัตย์กลับแตกต่างกับพรรคก้าวไกลอย่างสิ้นเชิง เพราะต้องไม่ลืมว่า จังหวัดระยองคือพื้นที่ของประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ดั้งเดิม โดยมีบ้านใหญ่ตระกูล “ปิตุเตชะ” ของนายสาธิต ปิตุเตชะ เป็นเจ้าของพื้นที่ที่ชาวระยองให้ความเชื่อมั่นมาหลายสิบปี อีกทั้งการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ประชาธิปัตย์ขนทัพใหญ่มาช่วย นพ.บัญญัติ หาเสียงแบบยกขบวนทั้งนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นเสาหลักของประชาธิปัตย์ทุกท่าน แม้กระทั่งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ขอพักรบในรอยร้าวประชาธิปัตย์มาช่วยหาเสียงเช่นกัน แต่ปรากฎว่าการเลือกตั้งครั้งที่ประชาธิปัตย์กลับพ่ายแพ้ก้าวไกลอย่างหมดรูปทั้งที่มีคู่แข่งกันเพียงสองพรรคเท่านั้น รวมถึงการเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ผ่านมาก้าวไกลสามารถปักธงได้ครบทุก 5 เขต

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ประชาธิปัตย์กำลังสิ้นมนต์ขลัง และถึงเวลาจบสิ้นแล้วสำหรับพรรคที่มีประวัติศาสตร์เส้นทางยาวนานกว่า 77 ปี ขณะที่พรรคก้าวไกลกลับมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดอย่างน่ากลัว ในทุกย่างก้าวนับจากนี้ไปจนถึงอนาคตหรือไม่…?

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น