ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ กองคดีฮั้วประมูลฯ แถลงรายละเอียดการสืบสวนเครือข่ายบริษัทของ “กำนันนก” ที่อาจเข้าข่ายฮั้วประมูล
ร.ต.อ.สุรวุฒิ เปิดเผยว่า ตนได้ทำคดีนี้มาตั้งแต่ปี 2547 แต่อาจไม่เป็นที่รู้จัก และดำเนินการสืบสวนกำหนดเครือข่ายดังกล่าวจนพบว่า มีการประกอบการเกี่ยวกับธุรกิจของรัฐ โดยรับโครงการจากภาครัฐ จำนวน 1,544 โครงการ มูลค่าประมาณ 7,500 ล้านบาท ราคารวมทุกสัญญา 6,900 ล้านบาท อีกทั้งทางดีเอสไอ มีหน้าที่ในการสืบสวนเรื่องฮั้วประมูลในโครงการที่มีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท จึงได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการของกำนันนก จำนวน 1,544 โครงการ (เฉพาะจำนวนโครงการที่รับงานจากภาครัฐ)
หลังจากดีเอสไอตรวจสอบ ก็พบว่า โครงการของ ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด มี 2 โครงการ ส่วนของ ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด มี 18 โครงการ ที่มีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท แต่ที่ดีเอสไอเห็นข้อพิรุธคือ 2 โครงการ คือ 1.โครงการประกวดราคาจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย อ.ดอนตูม – ต.ลำลูกบัว และ 2.โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย ต.ลำลูกบัว – บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกรมทางหลวง และดีเอสไอได้รับเอกสารข้อมูลโครงการจากกรมทางหลวงเรียบร้อยแล้ว
ร.ต.อ.สุรวุฒิ บอกอีกว่า จากการสืบสวนต่อเนื่อง มีชาวบ้านที่อยู่ในกลุ่มผู้ซื้อซองจากทั้งสองโครงการดังกล่าว ได้แจ้งข้อมูลทางลับมาที่ดีเอสไอ และอาจเข้าข่ายมีพฤติการณ์สมยอมราคากัน ซึ่งกรอบการทำงานของดีเอสไอ คือ ดำเนินการตรวจสอบโครงการทั้ง 20 โครงการนี้ก่อนตามที่ได้รับข้อมูล โดยจะทำให้เป็นโครงการตัวอย่างก่อน 2 โครงการ และอาทิตย์หน้าจะเตรียมรับเป็นคดีพิเศษ
ส่วนเรื่องโครงการใดที่เห็นความผิดชัดเจนนั้น ยังไม่เรียกว่ามีความผิด แต่เรียกว่ามีข้อพิรุธ คือ มีการประมูลในราคาต่ำ หรือเรียกว่า “ฟันราคา” และทั้งสองโครงการนี้มีความใกล้เคียงกัน คือ กลุ่มได้งานคือกลุ่มเดียวกัน กลุ่มซื้อซองก็ใกล้เคียงกัน อีกทั้งเมื่อเช้านี้จากการที่มีการเข้าตรวจค้น ก็พบว่าในกลุ่มผู้ซื้อซองอาจเป็นคนได้รับผลประโยชน์ได้
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวถึงลักษณะผู้จัดฮั้วประมูลว่า มีการแตกสาขา กลุ่มใครกลุ่มมัน อาจมีบ้านเล็กบ้านใหญ่ หรือเกี่ยวข้องกับนักการเมืองได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ากำนันนกคงมีลูกมือลูกไม้คอยทำหน้าที่ข่มขู่คุกคามไม่ให้คนเข้ามาเปิดซื้อซอง
แต่ปัจจุบันเป็นการคีย์ระบบ e-bidding คนซื้อซองไม่จำเป็นต้องรับรู้ แต่ในกรณีนี้อาจจะมีความสามารถในการรับรู้การซื้อซอง แล้วดำเนินการบล็อกไว้ เพราะตอนยื่นซื้อซองของทั้งสองโครงการ มีประมาณ 30 กว่าราย แต่ในวันประมูลเหลือเพียงไม่กี่ราย หากการให้ปากคำเป็นประโยชน์เราก็จะกันเป็นพยาน แต่ถ้าให้ข้อมูลไม่เป็นประโยชน์ อาจแปลได้ว่าสมยอมหรือไม่ และดีเอสไอจะสอบถามเรื่องความสัมพันธ์ต่างๆรวมถึงจะดูเรื่องเบอร์โทรศัพท์และการติดต่อด้วย เพื่อหาความสัมพันธ์เชื่อมโยง
