วิจารณ์ยับ "หมออ๋อง" กอดแน่นเก้าอี้รองประธานสภาฯ ใช้งบฯกว่า 1.3 ล้าน พาทีมก้าวไกล บินดูงานสิงคโปร์

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เมื่อเว็บไซต์ Manager Online ได้เผยแพร่เอกสารเรื่อง การเดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และคณะ ที่ส่งถึงเลขาธิภารสภาผู้แทนราษฎร โดยรายละเอียดระบุว่า ด้วยนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 มีดำริจะนำคณะผู้แทนรัฐสภาไทยเดินทางเยือนสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21-25 2566 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาทั้งสองประเทศ และศึกษาดูงานด้านระบบสารสนเทศการประชุมของรัฐสภาสิงคโปร์ การบริหารจัดการแรงงานของคนไทยในสิงคโปร์ และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของสิงคโปร์ โดยนายวัมูหะหมัด นอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้อนุมัติการเดินทางวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา

สำหรับละเอียดการเดินทาง ซึ่งกลุ่มงานพิธีการทูตระบุว่าได้หารือกับนายปดิพัทธ์เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2566 มีความประสงค์จะเดินทางในช่วงค่ำของวันที่ 21 กันยายน 2566 และเดินทางออกจากสิงคโปร์ในช่วงค่ำวันที่ 25 กันยายน 2566 กลุ่มงานพิธีการทูตจึงเสนอกำหนดการเดินทางขาปของการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 409 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน 2566 เวลา 16.25 น. และเดินทางกลับด้วยเที่ยวบินทีจี 410 ออกจากท่าอากาศยานซางฮี ในวันจันทร์ที่ 252 กันยายน 2566 เวลา 20.50 น.

ขณะที่รายชื่อผู้ที่ร่วมเดินทางไปด้วยนั้น เอกสารระบุว่า กลุ่มงานรองประธานสภาผู้แทนราษฏร คนที่ 1 ได้แจ้งรายชื่อคณะผู้แทนที่จะเข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้ ทั้งหมด 12 คน เป็นสส.บุคลากรของพรรคก้าวไกลและอดีตพรรคอนาคตใหม่ถึง 7 คน พรรคเพื่อไทย 1 คน และข้าราชการสังกัดสำนักงานเลขาสภาฯ 4 คน รายชื่อทั้งหมด ประกอบด้วย

1.นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฏร คนที่ 1 และสส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล

2.นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

3.นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

4.นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคก้าวไกล

5.นายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณ สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล

6.นางสาวิทสรัตน์ เลาหพล สส.กทม. พรรคก้าวไกล

7.นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย

8.นางสาวอินทุอร เอี่ยมสะอาด ข้าราชการสังกัดสำนักงานเลขาฯสภาฯ

9.นายภัทรพงศ์ อิสริยะพฤทธิ์ ข้าราชการสังกัดสำนักงานเลขาฯสภาฯ

10.นายณัฐพล จอกแก้ว ข้าราชการสังกัดสำนักงานเลขาฯสภาฯ

11.นางสาวอรพนท์ เชวงศักดิ์ ข้าราชการสังกัดสำนักงานเลขาฯสภาฯ

12.นายไกลก้อง ไวทยาการ อดีตนายทะเบียน และผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่อยู่ระหว่างการตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งระบุว่าเป็นผู้ติดตามของนายปดิพัทธ์ และออกค่าใช้จ่ายเอง

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้านงบประมาณที่จะต้องใช้ในการเดินทางไปครั้งนี้ มีจำนวน 1,379,250 บาท โดยเป็นงบประมาณประจำปี 2566 ของกลุ่มงานพิธีการทูต สำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ได้รับจัดสรรมา เป็นจำนวน 1,100,000 บาท และโยกงบประมาณค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแระชุมระหว่างประเทศ ปรงบประมาณ 2566 จำนวน 279,150 บาท พร้อมใ้ห้เหตุผลว่าเนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วน จึงไม่สามารถนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการแผนและงบประมาณของสำนักงานเลขาฯสภาฯได้ทัน ส่วนรายละเอียดของการใช้งบประมาณ 1.3 ล้านบาท แบ่งเป็น

1.ค่าบัตรโดยสารเครื่องบินสายการบินไทย ไป-กลับ กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ 438,750 บาท

2.ค่าเบี้ยเลี้ยง 120,400 บาท

3.ค่าเช่าที่พัก 425,000 บาท

4.ค่ารับรอง 200,000 บาท โดยให้อยู่ในดุลยพินิจชองรองประธานสภาผู้แทนราษฏรคนที่ 1

5.ค่าของที่ระลึก 30,000 บาท

6.ค่าเช่าพาหนะในต่างประเทศ 150,000 บาท

7.ค่าธรรมเนียมจัดทำหนังสือเดินทางราชการ 11,000 บาท

8.ค่ายานพหนะขนสัมภาระเดินทางไป-กลับท่าอาศยาน 4,000 บาท (ข้าราชการ)

เว็บไซต์ Manager Online รายงานอีกว่า เอกสารมีการระบุงบประมาณที่เบิกจ่ายสำหรับ สส. 1 คนๆ อยู่ที่คนละ 114,650 บาท แบ่งเป็น ค่าบัตรโดยสารรเครื่องบินไป-กลับ 51,250 บาท, ค่าเบี้ยเลี้ยง 4 วันๆละ 3,100 บาท รวม 12,400 บาท, ค่าที่พัก (พักเดี่ยว) 4 คืนๆ ละ 12,500 บาท รวม 50,000 บาท และค่าจัดทำหนังสือเดินทาง 1,000 บาท

ส่วนนายปดิพัทธ์ มียอดค่าใช้จ่ายรวม 494,650 บาท โดยได้สิทธิ์ค่าตั๋วเครื่องบิน, ค่าเบี้ยเลี้ยง และค่าที่พัก เท่ากับ สส.คนอื่น แต่มียอดเพิ่มเติมในส่วนของค่ารับรอง 200,000 บาท ค่ายานพาหนะ 150,000 บาท และค่าของที่ระลึก 30,000 บาท อยู่ในรายการของนายปดิพัทธ์ นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตในส่วนของงบรับรอง มีเบิกจ่ายจำนวน 200,000 บาท แบ่งออกเป็น 4 รายการๆ ละ 50,000 บาท แบ่งเป็นค่างานเลี้ยงรับรองประธานรัฐสภา/รองประธานรัฐสภา, ค่างานเลี้ยงรับรองประธาน Government Technology Agency, งานเลี้ยงรับรองผู้แทนหน่วยงานที่รับผิดชอบงาน Green Singapore และงานเลี้ยงรับรองผู้แทนหน่วยงานบรรยายสรุปอุตสาหกรรม EV

อีกทั้งในการขออนุมัติงบประมาณพบว่า 7 สส.ที่ร่วมคณะ เลือกใช้สิทธิบินชั้นธุรกิจทั้งหมด ทั้งที่เป็นเส้นทางบินระยะสั้น ใช้เวลาเพียง 2.20 ชั่วโมง โดยค่าบัตรโดยสารอยู่ที่คนละ 51,250 บาท ส่วนข้าราชการร่วมคณะได้สิทธิ์บินชั้นประหยัด ค่าบัตรโดยสารไป-กลับ อยู่ที่คนละ 20,000 บาท ต่างกันถึงคนละ 31,250 บาท จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายปดิพัทธ์ และคณะ ไม่ประหยัดงบประมาณตามนโยบายที่ นายปดิพัทธ์ ได้เคยประกาศวิสัยทัศน์ไว้กลางสภาฯ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ในระหว่างถูกเสนอชื่อ รับตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 โดยจะผลักดัน Smart Parliament ยกระดับกระบวนการนิติบัญญัติให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล โปร่งใส มีประสิทธิภาพ คืนความเชื่อมั่นประชาชน

ทั้งนี้หลังจากประเด็นนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ชาวเน็ตได้เข้าไปสอบถามนายปดิพัทธ์ในทวิตเตอร์ หลังจากล่าสุดเจ้าตัวได้ทวิตข้อความเกี่ยวกับตรวจรับสภาฯในวันจันทร์นี้ ที่หากทุกอย่างเรียบร้อย จะรับมอบสำเร็จภายในสิ้นเดือนกันยายน พร้อมบอกอีกว่า มีความเป็นไปได้ที่จะได้ฉลองวันรัฐธรรมนูญที่ลานประชาชนครั้งแรกปีนี้

โดยชาวเน็ตต่างเข้าไปทวิตใต้โพสต์ดังกล่าว ขอให้นายปดิพัทธ์ชี้แจงในเรื่องนี้ เหตุใดค่าตั๋วเครื่องบินถึงแพง 5 หมื่นบาท และถามอีกว่าใครเชิญไป พร้อมกับตั้งคำถามว่า ทำไมไปดูงานเพื่อใช้ในการประชุมรัฐสภา ควรให้ข้าราชการที่จัดประชุมไป แล้วสส.ก้าวไกล และเพื่อไทยจะเอาไปทำไม

ต้องจับตาว่านายปดิพัทธ์จะออกมาชี้แจงเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้นายปดิพัทธ์ก็มีประเด็นดราม่ามาแล้วจากการใช้งบรับรองในตำแหน่งรองประธานสภาฯไปจัดเลี้ยงหมูกระทะ แม่บ้านสภา จำนวน 370 คน โดยอ้างว่าแม่บ้านสภาฯ เป็นแขกของตัวเอง และปัจจุบันเรื่องนี้ถูกยื่นป.ป.ช.ตรวจสอบไปแล้ว