อีกผลงานยุคลุงตู่ “พีระพันธุ์” แจ้งข่าวดี ศาลปกครองยกคำร้อง “โฮปเวลล์” ขอชดใช้ค่าโง่กว่า 2 หมื่นล้าน

อีกผลงานยุคลุงตู่ "พีระพันธุ์" แจ้งข่าวดี ศาลปกครองยกคำร้อง "โฮปเวลล์" ขอชดใช้ค่าโง่กว่า 2 หมื่นล้าน

 

วันนี้ (18ก.ย ) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ชดใช้ ค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้าน ยอดหนี้ปัจจุบัน บวกกับภาระดอกเบี้ย รวมเป็นมูลค่าราว 2.7 หมื่นล้าน แก่บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หลังมีการพิจารณาคดีใหม่ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 4 มี.ค.65 โดยศาลปกครองกลางเห็นว่าบริษัทโฮปเวลล์ยื่นฟ้องคดีพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ พ้นกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

 

 

 

 

สำหรับคดีนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดง ที่ อ. 221-223/2562 ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง และให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการโดยให้ผู้ร้องทั้งสองปฏิบัติตามคำชี้ขาด ให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

ต่อมาผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้รับคำขอพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ของผู้ร้องทั้งสองไว้พิจารณา และให้ศาลปกครองชั้นต้นพิจารณาคำขอให้ศาลมีคำสั่งงดการบังคับคดีของผู้ร้องทั้งสองต่อไป

เนื่องจากศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2564 ลงวันที่ 17 มี.ค.2564 ที่วินิจฉัยว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2545 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

จึงเป็นกรณีที่ข้อกฎหมายที่ศาลปกครองสูงสุดใช้ในการทำคำพิพากษาหรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ ซึ่งทำให้ผลแห่งคำพิพากษาหรือคำสั่งขัดกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงชอบที่จะขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองใหม่ได้ ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (4) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542

แม้ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญข้างต้น ไม่มีผลทำให้คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขแดงที่ อ. 221-223/2562 ซึ่งทำขึ้นโดยอาศัยมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว ใช้บังคับมิได้หรือต้องสิ้นผลบังคับผูกพันลง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 วรรคสาม

ข่าวที่น่าสนใจ

แต่มิได้มีผลเป็นการห้ามมิให้คู่กรณีหรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีนี้ นำผลแห่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญข้างต้นมาใช้เป็นข้ออ้างในการขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดีนี้ใหม่ ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (4) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 แต่อย่างใด

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2562 ศาลปกครองปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ อ.221-223/2562 โดยศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กระทรวงคมนาคม และรฟท. ชดใช้ค่าเสียหายให้กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเงิน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ซึ่งเป็นไปตาตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ขณะที่ปัจจุบันเงินต้นรวมดอกเบี้ยได้เพิ่มเป็น 2.7 หมื่นล้านบาทแล้ว

นอกจากนี้ ในวันที่ 19 ก.ย. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ 1574/2563 ระหว่าง สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ 1 กับพวกรวม 42 คน (ผู้ฟ้องคดี) กับ ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดยคดีนี้ผู้ฟ้องคดี ฟ้องว่า ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีมีคำสั่งที่ 253/2561 ลว. 31 ต.ค. 2561, 48/2561 ลว. 12 ก.ย. 2561 และ 1/2562 ลว. 7 พ.ย. 2561 อนุญาตก่อสร้างอาคารหรือสะพาน และอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ในโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งผู้ฟ้องคดีเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 42 คนได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้อง

ขณะที่ทางด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ยินดีกับคนไทย เราชนะคดีโฮปเวลล์ครับ #ชนะคดีโฮปเวลล์ #สู้ให้ทุกปัญหาพึ่งพาได้ทุกเรื่อง

 

 

 

 

 

 

 

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 23 เม.ย 62 เพจลุงตู่ตูน ได้เผยแพร่ภาพเปรียบเทียบผลงานของรัฐบาลก่อนหน้า และผลงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในหลายโครงการ โดยใช้ชื่อว่า ผลงานรัฐบาลลุงตู่ ที่นักการเมืองต้องอาย

โดยเปรียบเทียบที่น่าสนใจ อาทิ มีการนำรูปโครงการโฮปเวลล์ที่ดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2533 แต่ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ จนสุดท้ายทำให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้กระทรวงคมนาคม และรฟท. จะต้องคืนเงินค่าก่อสร้าง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ แก่บริษัท โฮปเวลล์ รวม 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน รวมถึงให้คืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท เปรียบเทียบกับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีการอนุมัติและดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง อาทิ สายสีแดง ธรรมศาสตร์(รังสิต)-หัวลำโพง, สายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต,สายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นต้น โดยภายในระยะเวลา 3-5 ปี มีการอนุมัติการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้วกว่า 350 กิโลเมตร ก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายสายเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอีกหลายสายมีความคืบหน้าตามลำดับ

นอกจากนั้นยังมีการเปรียบเทียบภาพชุมชนแออัดริมคลองในพื้นที่กทม.ในช่วงรัฐบาลก่อนหน้า กับภาพปัจจุบันของชุมชนริมคลองที่ได้รับการพัฒนาจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จากโครงการสร้างเขื่อนริมคลองลาดพร้าว และปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ชุมชนริมคลองใน 8 เขตของ กทม. โดยเริ่มอนุมัติโครงการตั้งแต่ช่วงปี 2560 จนปัจจุบันการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ชุมชนริมคลองแล้วเสร็จในหลายพื้นที่ อาทิ คลองลาดพร้าวปรับสภาพริมคลองและสร้างบ้านใหม่ใน 33 ชุมชน รวม 1,476 ครัวเรือน คลองโอ่งอ่าง ตั้งแต่สะพานดำรงสถิตถึงสะพานโอสถานนท์ แก้ปัญหาการสร้างตลาดรุกล้ำลำคลอง จนเปลี่ยนสภาพลำคลองที่แออัด เป็นพื้นที่สาธารณะได้อีกครั้ง

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เพจดังแฉหลักฐาน IO ส้มเวียดนามบุกเมนต์ไทยฉ่ำ ฉุนแพ้นายกอบจ.ภูเก็ต
ตำรวจปานามาปะทะเดือดกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรูบิโอ้
"นายกฯ" คุยรายการครั้งแรก "โอกาสไทย" ยันแจกหมื่นเฟส 3 ย้ำผลงานบัตรทองทำครบ 77 จว. เร่งบ้านเพื่อคนไทย
ชายแดนตึงเครียด! จนท.ตรึงเข้ม 371 Km คอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานบุกพญาตองซู
รมว.ต่างประเทศสหรัฐไปปานามาหลังทรัมป์ขู่ยึดคลอง
รวบอดีตอัยการ เบี้ยวนัดฟังคำพิพากษา คดีรับสินบน 1 แสนบาท ช่วยผู้ต้องหา คดียาเสพติด
"ซูเปอร์โพล" เผยผลสำรวจคนไทยหนุนตัดไฟประเทศเพื่อนบ้าน แก้อาชญากรรมข้ามชาติ เชื่อลดปัญหาได้
สุดเศร้า "2 นักสืบ บช.น." ถูกรถปูนชนอัดท้ายรถพ่วงดับ ขณะไล่ล่าแก๊งค้ายาเสพติด
"พิชัย" หารือ "รมต.พาณิชย์-อุตสาหกรรม" บาห์เรน ยกระดับสัมพันธ์การค้า จัดทำ FTA เชื่อม 2 ปท.
‘ซัวเถา’ จัดมหกรรมดอกไม้ไฟสุดยิ่งใหญ่รับตรุษจีน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น