คดีกำนันนก สั่งยิง “สว.ทางหลวง” ดับ ส่อสัญญาณเดือดสู่หมากชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.” คนใหม่ ศึกยักษ์ชนยักษ์ เกมที่แพ้ไม่ได้

คดีกำนันนก สั่งยิง "สว.ทางหลวง" ดับ ส่อสัญญาณเดือดสู่หมากชิงเก้าอี้ "ผบ.ตร." คนใหม่ ศึกยักษ์ชนยักษ์ เกมที่แพ้ไม่ได้

กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญคนไทยทั้งประเทศ เมื่อเกิดเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ สารวัตรทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จนเสียชีวิต ขณะเข้าร่วมงานเลี้ยงภายในบ้านของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ซึ่ง หน่อง ท่าผา คนเหนี่ยวไกยังเป็นมือปืนคนสนิทของกำนันผู้มากอิทธิพลแห่งเมืองนครปฐม และยังมีตำรวจได้รับบาดเจ็บอีก 1 นาย คือ พ.ต.ท.วศิน พันปี รองผู้กำกับ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จนกลายเป็นข่าวดังเป็นชั่วข้ามคืน สายตาจากทุกมุมต่างจับจ้องไปยังเมืองคนดุนี้

 

หลังเกิดเหตุไม่นาน ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุดคลื่คลายคดีสุดอุกอาจนี้ จนนำมาสู่การออกหมายจับ กำนันนก และ หน่อง ท่าผ่า มือปืนคนสนิท จนกระทั่งมีการวิสามัญผู้ก่อเหตุหลังยิงต่อสู้ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม ส่วนผู้เป็นนาย แน่นอนก็ไม่รอดเช่นกัน ถูกออกหมายจับในข้อหา จ้างวานฆ่าฯ จนต้องเข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำ แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้น เมื่อชุดสืบสวนมีการเปิดภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าร่วมงานเลี้ยงมีกว่า 28 นาย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ จนต่อมามีตำรวจถูกออกหมายจับ 6 นาย และ ตอนนี้กำลังเตรียมแจ้งข้อหากับอีก 14 นาย ในความผิด 157 และให้การเท็จ

ข่าวที่น่าสนใจ

ตำรวจส่วนใหญ่ที่ถูกดำเนินคดี และ ในอนาคตคงไม่รอด ส่วนใหญ่อยู่ในสังกัดของกองบัญชาการสอบสวนกลาง และ กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 แต่จะหนักไปทางหน่วยงานแรกมากกว่า ซึ่งมีมากกว่า 10 นาย และยังไม่จบเท่านี้เมื่อชุดสืบสวนสอบสวนของ “บิ๊กโจ๊ก” เร่งขยายผลไปยังนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาในกองบังคับการตำรวจทางหลวง เกี่ยวกับการรับส่วยรถบรรทุกจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของ “กำนันนก” โดยเฉพาะการประกอบธุรกิจร่ำรวยกว่า 7 พันล้านบาท จะเข้าข่ายฮั้วประมูล เรียกได้ว่า แบบขุดรากถอนโคนกันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระแสข่าวลืออย่างหนักว่า อาจจะขยายผลไปยังนายตำรวจระดับสูงกว่านั้นอีกด้วย

 

จนเป็นประเด็นที่สังคมจับตานอกจากในส่วนของคดีความแล้ว “บิ๊กโจ๊ก” อาจจะส่งสัญญาณต้องการล้างบางตำรวจในสังกัดสอบสวนกลาง ซึ่งมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล บิ๊กต่อ รอง ผบ.ตร. เป็นคนกำกับดูแล โดยเฉพาะตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักที่มีลูกน้องคนสนิทของ บิ๊กต่อ นั่งบัญชาการอยู่ คือ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทสงค์ ผู้กำกับทางหลวง 2 ซึ่งหลังเกิดได้ยิงตัวเองเสียชีวิตในบ้านพัก จนกลายเป็นข่าวโด่งดังในเวลาต่อมา

 

อีกหนึ่งสัญญาณผิดปกติเมื่อ วันที่บิ๊กโจ๊ก นัดสื่อ แถลงข่าวเปิดภาพกล้องวงจรปิด 15 ตัว กระแสข่าว กล้อง 2 ตัวสำคัญอยู่จุดงานเลี้ยง กู้ภาพไม่ได้ บิ๊กโจ๊ก ได้เปลี่ยนใจจากตอนแรกระบุว่า จะเปิดภาพกล้องวงจรปิดให้สื่อมวลชนทราบ แต่พอถึงวันแถลงข่าวกับเปิดเพียงแค่ภาพนิ่งให้ดูเท่านั้น ทำให้ไม่เห็นภาพเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องว่า หลังเกิดเหตุตำรวจคนใดทำอะไรอยู่บ้าง ใครช่วยเหลือคนเจ็บส่งโรงพยาบาลบ้าง นอกเหนือจากตำรวจที่อุ้มร่างของ พ.ต.ต.ศิวกร ขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาลเท่านั้น สิ่งนี่จึงเป็นข้อครหาที่ตำรวจหลายนายแสดงออกถึงความไม่ยุติธรรม

 

ด้วยการดำเนินคดีที่พุ่งเป้าไปหาตำรวจทางหลวงที่อยู่ในเหตุการณ์ของ บิ๊กโจ๊ก รวมถึงต้องการขยายผลถึงนายตำรวจระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้หลายฝ่ายพุ่งประเด็นไปที่การโผแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนที่ 14 ซึ่งทราบกันดีว่า ตัวเต็งที่จะก้าวขึ้นมานั่งเก้าอี้บัญชาทัพสีกากีมีเพียง 2 นาย เท่านั้น คือ “บิ๊กโจ๊ก” และ “บิ๊กต่อ” ซึ่งถือว่ามีผลงานจับต้องได้ทั้ง 2 ฝ่าย คนนึงดูแลงานด้านการสืบสวนสอบสวน อีกคนดูแลงานด้านการป้องกันและปราบปราม เป็นแม่ทัพคนสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่คลี่คลายคดีสำคัญมาแล้วมากมาย

และเมื่อการวิ่งเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายดูเหมือนว่า บิ๊กต่อ จะมีโอกาสเข้าเส้นชัยมากกว่า บิ๊กโจ๊ก และสื่อมวลชนหลายสำนักก็ให้ บิ๊กต่อ เป็นเต็ง 1 ที่จะรับมองธงสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ จึงถูกหลายฝ่ายมองว่า บิ๊กโจ๊ก ใช้คดีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร ลดความน่าเชื่อถือของคู่แข่งให้ตัวเองได้มีโอกาสขึ้นเป็น ผบ.ตร. ต่อคนไป ซึ่งตามกำหนดจะมีการประชุม ก.ตร. โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 27 กันยายนนี้

 

หากย้อนดูประวัติแคนดิเดต ผบ.ตร. ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 24 และนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 40 ซึ่งมีลำดับอาวุโสอันดับ 1 ถัดมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 และนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 47 อาวุโสลำดับ 2 รองลงมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 และนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41 อาวุโสลำดับ 3 และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เข้ามาเป็นตำรวจในฐานะผู้มีคุณวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4

 

เมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ วัดกันแล้ว แคนดิเดต ผบ.ตร. ทั้ง 4 คนนั้น ดูเหมือน บิ๊กต่อ นายตำรวจที่สื่อมวลชนหลายสำนักคาดการณ์ให้เป็นเต็ง 1 ดูเหมือนจะได้เปรียบอีก 3 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งกำลังภายในจากผู้สนับสนุนที่สูงลิ่ว ปูเส้นทางขี่เมฆมานั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. ด้วยการคุมหน่วยงานสำคัญอย่าง กองบัญชาการตำรวจนครบาล / กองบัญชาการสอบสวนกลาง รวมทั้งงาน สอท. หรือ ตำรวจไซเบอร์ ซึ่งมีผลงานปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

ขณะที่ บิ๊กโจ๊ก คู่แข่งคนสำคัญของ บิ๊กต่อ ก็มีผลงานมามากมายเช่นกัน รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน กำกับดูแลงานสืบสวนของกองบังคับการสืบสวนสอบสวน และงานสืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธร 1 – 9 รวมไปถึงกำกับดูแลงาน สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และ โรงพยาบาลตำรวจ ยังเป็นหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ / ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง / ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และ ปราบปรามการค้ามนุษย์

 

 

ถัดมา บิ๊กรอย รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ควบคู่กับการเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ / ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง / ศูนย์บริหารงานจราจร และ ศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ อาจจะมีโอกาสน้อยกว่าอีกทั้ง 2 ท่านที่กล่าวมาข้างต้น เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า ได้ถูกวางตัวให้เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือสมช. หลังจากเหลืออายุราชการอีกเพียง 1 ปี แต่ก็มีกระแสข่าวออกมาอีกเช่นกันว่า บิ๊กรอย ไม่ต้องการจะย้ายข้ามห้วยไปรับตำแหน่งดังกล่าวแต่อย่างใด งานนี้ต้องจับตา จะมีคนกล้าย้ายโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอมหรือไม่ เพราะการย้ายแบบนี้ เคยทำให้ อดีตนายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว จากการ “ย้ายเอื้อญาติ”

 

และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ หรือ บิ๊กต่าย กำกับดูแลศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงไม่ค่อยมีผลงานเป็นที่ประจักษ์เหมือนกับแคนดิเดตท่านอื่น จึงถูกมองว่า มีโอกาสน้อยที่สุด จากแคนดิเดตทั้ง 4 คน

 

สุดท้ายนี้ต้องจับตามองกันต่อไปว่า คดีของกำนันนก สั่งมือปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร สร้างความสะเทือนขวัญสังคมไทยมากที่สุดในรอบทศวรรต จะส่งผลกระทบต่อเก้าอี้ ผบ.ตร. คนใหม่มากน้อยเพียงใด และใครจะเป็นคนเข้าเส้นชัยก้าวขึ้นมารับขนานนามพิทักษ์ 1 คนต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา
"สธ." ยันพบชาวเมียนมา ป่วยอหิวาฯ รักษาฝั่งไทย 2 ราย อาการไม่รุนแรง
สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น