เมื่อวันที่ 26 กันยายน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อนถึงกรณีนายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการบุกค้านบ้านพักของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รองผบ.ตร.ว่า การตั้งคณะกรรมการทั้ง 3 คนมาตรวจสอบนั้น ไม่รู้นายกฯ มีหลักคิดอะไรหรือไม่ แต่ที่สำคัญในวันที่ 27 กันยายนนี้คณะกรรมการข้าราชการตํารวจ หรือ ก.ตร. จะพิจารณาเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ เท่ากับว่าบิ๊กโจ๊กในฐานะ รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 2 อาจจบเส้นทางได้รับพิจารณาเป็น ผบ.ตร.ในปีนี้ ส่วนจะจบตลอดไปในอนาคตหรือไม่ ต้องพิจารณาสถานการณ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตามเห็นว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับบิ๊กโจ๊ก เพราะยังไม่ได้รับข้อกล่าวหาใดๆ แต่การออกหมายค้นเป็นการอนุมัติตามแหล่งที่ปรากฎในการสอบสวน ส่วนการออกหมายจับตำรวจอื่นๆ ที่เป็นลูกน้องนั้น เมื่อยื่นขอศาลก็ได้รับอนุมัติทั้งสิ้น
“จตุพร” เชื่อเส้นทางขึ้น ผบ.ตร.ของบิ๊กโจ๊กจบสิ้นแล้ว คงหมดโอกาสไปถึง ชี้รอบนี้ข้อกล่าวหาหนักและมีเดิมพันสูงมาก
ข่าวที่น่าสนใจ
นายจตุพร กล่าวอีกว่า แม้บิ๊กโจ๊กรอดพ้นจากบทเรียนมาก่อนหน้านี้ถึง 2 ครั้งแล้วในปี 2552 และปี 2561 ข้อหาเรียกรับผลประโยน์ แต่ครั้งนี้เป็นบทเรียนชีวิตครั้งที่สาม ซึ่งมีเดิมพันแพงที่สุด และเป็นบทเรียนที่ต่างกันกับครั้งที่ 1-2 ดังนั้น เมื่อต้องมาผจญเส้นทางแบบนี้แล้ว เป้าประสงค์ที่วางไว้ในตำแหน่ง ผบ.ตร.คงยากจะไปถึง แต่ขณะนี้มีอายุราชการเหลืออยู่อีกหลายปี จึงมีสิทธิต่อสู้กับข้อกล่าวหาต่างๆ ถ้าฝ่าฟันอุปสรรคไปได้อีกรอบหนึ่ง คงมีโอกาสไปถึงเป้าประสงค์ได้ แต่รอบนี้ข้อกล่าวหาบิ๊กโจ๊กหนักและมีเดิมพันสูงมาก
ส่วนกรณีของบิ๊กโจ๊กจะลามมาสู่การเมืองภายนอกหรือไม่นั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะตำรวจมีบุคลากรประมาณ 3 แสนคน จึงปฎิเสธการเมืองไม่ได้ ดังนั้นกรณีนี้ทุกฝ่ายต้องได้รับการพิสูจน์ตามข้อกล่าวหาและต้องเป็นการตรวจสอบเพื่อทำให้บ้านเมืองสะอาด จึงจะเกิดประโยชน์ โดยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ เข้าไปพัวพัน หรือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง