จากกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนนันท์ สว.ถูกไล่กลางร้านอาหารในประเทศไอซ์แลนด์ว่า ถ้ายืนอยู่บนสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ก็คงไม่มีใครอยากถูกไล่เวลาไปที่ไหน ไม่มีใครชอบที่จะโดนกระทำ แต่อีกด้านตนก็เข้าใจความรู้สึกโกรธของประชาชนที่มีต่อการกระทำของสว. ที่มีการใช้เงินภาษีของประชาชน แต่กลับไม่ได้แสดงออก หรือเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นตามเจตนารมณ์ของประชาชน สุดท้ายตนคิดว่าต้องหาจุดสมดุลให้ได้
“เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศไอซ์แลนด์ ไม่แน่ใจว่าการกระทำเช่นนี้ตามมาตรฐานของประเทศดังกล่าวเป็นอย่างไร แต่หากมีข้อสุ่มเสี่ยงทางกฎหมายก็ต้องรับผลตามกระบวนการ แต่อีกด้านก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าการที่นักการเมืองแสดงออกโดยไม่เคารพเสียงประชาชน ก็มีราคาที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น การกระทำแบบไหนที่ทำได้ หรือไม่ควรทำ ก็ต้องหาจุดสมดุล”นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงกลุ่มคนที่มีความเห็นต่างทางการเมืองอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ซ้ำรอยขึ้นอีก นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การพูดคุยด้วยเหตุผลเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นสิ่งที่สร้างความยอมรับได้มากกว่า ต้องฝากถึงนักการเมืองว่า เราก็มีบทเรียนเช่นกันว่า เราต้องเคารพเสียงของประชาชนด้วย เป็นบทเรียนของทุกฝ่าย อย่างฝ่ายที่แสดงออกด้วยท่าทีที่โมโหต่อพญ.คุณหญิงพรทิพย์ เขาก็โดนวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนจะเห็นด้วย ตนเข้าใจว่ามีกระบวนการดิสเครดิตทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มที่ไปต่อว่าพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โดยกล่าวหาว่า นี่ไงด้อมส้มเป็นอย่างนี้ บ้างก็โยงมาถึงพรรคก้าวไกล ทั้งที่พรรคไม่น่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ กระบวนการดิสเครดิตนี้เป็นการทำให้สังคมยิ่งไปสู่ความขัดแย้ง ให้ร้าวลึกมากขึ้น จะเห็นว่าคนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล มีขนาดใหญ่ขึ้นมาก ซึ่งอาจมีบางคนที่ไม่เห็นตรงกับเรา พยายามใช้ทุกความเป็นไปได้ทำลายชื่อเสียง อาจเป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวังว่าจะมีกระบวนการเช่นนี้เกิดขึ้น