ตร.โคราช แถลงจับกุมสองวัยรุ่นก่อเหตุชักมีดขู่พนักงานปั้ม ก่อนชิงทรัพย์ไปกว่า 3 หมื่น

ตำรวจโคราชแถลงจับกุมสองวัยรุ่นก่อเหตุชักมีดขู่พนักงานปั้มก่อนชิงทรัพย์ไปกว่า 3 หมื่นเจ้าของปั้มเผยชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานด้วยความว่องไว

วันนี้ 28 สิงหาคม 2564 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 3 พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาและพ.ต.อ.เชษฐา เชยชุ่ม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอสีดาได้แถลงจับกุมสองวัยรุ่นก่อเหตุชักมีดขู่พนักงานปั้มและชิงทรัพย์ไปที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอสีดา ตำบลสีดา อำเภอสีดา จังหวัดนครราชสีมา

โดยสืบเนื่องมาจากได้สองวัยรุ่นก่อเหตุชิงทรัพย์ทราบชื่อคือนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี และนายโสภณ หรือ หลิว มูลพาที อายุ 25 ปี ที่บริเวณปั้มน้ำมันเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 เวลา 18.30 น. โดยได้ใช้อุบายโดยการเข้ามาหลบฝนและได้บุกเข้าชิงทรัพย์ในจังหวะที่พนักงานปั้มน้ำมันเผลอและได้ชักมีดขู่ ซึ่งได้ทรัพย์สินไปจำนวนกว่า 3 หมื่นบาท ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามเบาะแสจากกล้องวงจรปิดและพยายามประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ จนทางผู้ก่อเหตุทนไม่ไหวจึงได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งของกลางพบเสื้อของผู้ก่อเหตุและจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีเป็นรถรุ่นฮอนด้าเวฟสีขาวดำ เลขทะเบียน ทะเบียน 2 กม 5034 กทม. เงินสดที่ได้จากการก่อเหตุ หลังจากนั้นจึงได้นำตัวเพื่อส่งพนักงานสอบสวนและแจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม

นายปกรณ์ พีรวิชญานนท์ อายุ 37 ปี เจ้าของปั้มน้ำมัน เปิดเผยว่า ตนก็รู้สึกดีอย่างมากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนไม่หยุดที่จะติดตามเรื่องดังกล่าวนี้ จนกระทั่งตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ก็ตระหนักเห็นว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้หยุดในการติดตามคดี ตนก็รู้สึกดีใจอย่างมากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้รวดเร็วและได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งตนก็ทราบว่าทางสื่อและโซเชียลมีเดียมีผลอย่างดีในการติดตามตัวและกดดันให้มามอบตัว ตนก็อยากขอบคุณทั้งทางสื่อมวลชนและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด ส่วนเงินที่โดนขโมยไปทราบว่าได้คืบมาจำนวน 7 พันบาท ส่วนที่เหลือตนได้ไปตกลงกับทางญาติผู้ต้องหาว่าจะชดใช้คืนให้ ส่วนเรื่องคดีก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกฏหมาย.

ภาพ/ข่าว ณัฐพงศ์ อรชร ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครราชสีมา

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“ธนกร” แนะรัฐบาลฉวยโอกาสอีเว้นท์ใหญ่ช่วงเปิด “สมรสเท่าเทียม” ดึงนทท.ทั่วโลก
"มาริษ" เผย ตปท.ชื่นชมไทย "สมรสเท่าเทียม" มีผลบังคับใช้แล้ว
"เศรษฐา" ยินดี 23 ม.ค. "สมรสเท่าเทียม" เกิดขึ้นจริงด้วยพลังของทุกคน 
“ไทด์” สุดสงสาร “แตงโม” ไม่ได้โดนแค่กรีดขา แต่โดนเจาะน่อง-มันทะลัก
"พิชัย" โชว์วิชั่นเวที WEF ดาวอส ประกาศศักยภาพไทย พร้อมเปลี่ยนสู่ยุคศก.ดิจิทัล โลก AI
งานเข้า! "ตำรวจไซเบอร์" ชี้ล่าเหรียญ "Jagat" ฟันผิดกฎหมาย พบ 3 บัญชีโอนเงินผู้เล่นจริง จ่อเรียกสอบ
ฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานยังคลุมทั่ว กทม. พื้นที่สีแดง 14 เขต
บึ้มสนั่นกลางดึก ชาร์จรถ 3 ล้อไฟฟ้า เกิดไฟฟ้าลัดวงจรลามไหม้ร้านของชำ หวิดวอดทั้งหลัง
กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย เตือนภาคใต้มีฝนตกบางแห่ง
"กรมโยธาฯ" จับมือ "คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล" ลงนาม MOU ช่วยชีวิตผู้ป่วยด้วยการบริจาคโลหิต

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น