บทเรียน “จำนำข้าว” แห่ถอนเงินออมสิน หวั่น “เงินดิจิทัล” ซ้ำรอย

บทเรียน “จำนำข้าว” แห่ถอนเงินออมสิน หวั่น “เงินดิจิทัล” ซ้ำรอย

ยังเป็นประเด็นร้อนที่สังคมให้ความสนใจสำหรับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการในการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัล วอลเล็ต เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังมีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุถึงแหล่งที่มาของเงินว่าจะนำจากที่ใด แต่สุดท้ายยังไม่ได้ความชัดเจนจากรัฐบาล ทำให้นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาโยนระเบิดลูกใหญ่ใส่รัฐบาลว่า ทราบที่มาของงบดิจทัล วอลเล็ต จะมาจากการกู้แบงค์รัฐ คือ ธนาคารออมสิน

การแจกเงินดิจิทัลได้เกิดกระแสต่อต้านจากหลายภาคส่วน เพราะมองว่าจะทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ โดยล่าสุดนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า คัดค้านแจกเงินดิจิตอล ไม่เห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินดิจิตอล จะถอนเงินจากทุกบัญชีของธนาคารที่ปล่อยกู้ให้กับโครงการนี้ กลัวธนาคารเจ๊ง ไม่ได้เงินคืน

น่าสนใจนักกับสิ่งที่นายนันทิวัฒน์ แสดงความคิดเห็นหากรัฐบาลยังแข็งขืนดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัลจะไปถอนเงินจากทุกบัญชีของธนาคารที่ปล่อยกู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม เพราะหากใครยังจำกันได้ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปี 2557 เคยเกิดปรากฎการณ์คนไทยทั่วประเทศแห่ถอนเงินจากธนาคารออมสินหลังจากรัฐบาลได้ข้อยุติในการหาแหล่งเงินกู้มาชำระหนี้ให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยจะใช้วิธีให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 20,000 ล้านบาท ซึ่งนายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสินในขณะนั้นออกยอมรับว่า ได้ปล่อยเงินกู้ให้กับ ธ.ก.ส. โอนเงินกู้จำนวน5,000 ล้านบาท ไปให้ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา

จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดกระแสความไม่พอใจจากสังคมส่งผลให้ประชาชนแห่ถอนเงิน หรือปิดบัญชีกับธนาคารออมสินกันจ้าละหวั่น เป็นจำนวนหลายหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีการแชร์ภาพบุคคลที่ไปถอนเงิน หรือปิดบัญชีเป็นจำนวนมาก โดยปรากฎการณ์ในครั้งนั้นมีประชาชน และคนดังแห่ถอนเงินจากธนาคารออมสิน อาทิ นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “เรียน ผ.อ.ธนาคารออมสิน โปรดทราบ ดิฉันเป็นลูกค้าออมสิน ที่ผ่านมาไม่เคยถอนเงินออมสิน แต่วันนี้ไปถอนเงิน”

 

เช่นเดียวกับนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ไปธนาคารออมสินเรียบร้อยแล้ว 1 บัญชีที่สาขาราชวัตร ตั้งแต่ 8.30 น. พนักงานร่วมใส่ชุดดำช่วยบริการลูกค้าอย่างดี 9 ใน 10 ถอนและปิดบัญชีครับ”

แม้กระทั่ง นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตเลขาคณะกรรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ส่งอีเมลเวียนถึงคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ระบุว่า “เรียนทุกท่านครับ ผู้จัดการธนาคารออมสิน ขาดจิตสำนึกผิดชอบชั่วดี ขาดความรับผิดชอบต่อเงินฝากของเด็กและผู้ฝากกู้ทั่วไป … ไร้จริยธรรม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พนักงานธนาคารและผู้คนในสังคมต่างพากันคัดค้าน … นี่คืออีกตัวอย่างหนึ่งของระบอบทักษิณ

 

ส่วนนายสรวิชญ์ สุบุญ หรือหมอก้อง โพสต์เฟซบุ๊ก KRONG SARAWIT ว่า “เช้านี้ขายสลากออมสินไปแล้วแต่ได้เป็นแคชเชียร์เช็ค เพราะธนาคารมีเงินสดไม่พอ ไม่ได้ต้องการอะไรมาก นอกจากต้องการจุดยืนครับ เมื่อปัญหาจบจะกลับไปใช้บริการใหม่ครับ”

 

ขณะที่นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง โพสต์ข้อควมผ่าน Kanok Ratwongsakul Fan Page ว่า “เมื่อประชาชนเกิดความสงสัย “ออมสิน” ว่าไปข้องเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ลูกค้าจึงแห่ไปถอนเงิน ภาพนี้ที่ห้างพาราไดซ์ ถูกถอนเงินจนเงินสดหมด ต้องขอจ่ายเป็นแคชเชียร์ หรือถ้าจะบอกว่า สาขาของออมสินกำลังเกิดภาวะสภาพคล่องสะดุด…ก็ว่าได้ ”

 

 

ขณะเดียวกันโลกโซเชียลยังแชร์ภาพเอกสารรายการรับฝาก – ถอนเงินของธนาคารออมสิน สาขาพาราไดซ์ พาร์ค (ศรีนครินทร์) ประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ระบุว่ามีจำนวนรายการถอนเงินที่ผิดปกติถึง 80 ราย วงเงินกว่า 57 ล้านบาท โดยระบุสาเหตุการถอนที่ผิดปกติไว้จำนวน 2 สาเหตุ คือ 1. ธนาคารเอาเงินไปปล่อยกู้ให้ ธ.ก.ส. และ2. ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์

 

นอกจากนี้ยังรายงานว่า เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.นครศรีธรรมราช แสดงความไม่พอใจรัฐบาลรวมตัวแต่งชุดดำประท้วง แสดงการคัดค้านการกู้เงินจากธนาคารออมสินไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าว

 

จากความโกลาหลดังกล่าว ทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสินออกแถลงการณ์ ระบุว่า แม้ว่าการดำเนินธุรกิจดังกล่าวนี้ไม่ได้เกี่ยวโยงหรือเกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้โครงการจำนำข้าวก็ตาม แต่เพื่อความโปร่งใส สหภาพแรงงานฯขอให้ธนาคารออมสินหยุดการให้กู้แก่ ธ.ก.ส. โดยทันที

 

ส่วนนายวรวิทย์ ผอ.ออมสิน ถือว่างานเข้าเต็ม ๆ เมื่อถูกโลกซีชียลขุดประวัติว่า มีความใกล้ชิดกับระบอบทักษิณ จากความกระแสความวุ่นวายของประชาชนที่พร้อมใจกันไปถอนเงินออกจากธนาคารออมสินนั้น ทำให้นายวรวิทย์ ออกมาแถลงยุติการปล่อยเงินกู้ให้กับ ธ.ก.ส. แต่ยังไม่สร้างความไว้วางใจให้ประชาชนมากพอ ทำให้นายวรวิทย์ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก พร้อมให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้คนภายนอกมองว่า ธนาคารออมสินเป็นธนาคารเสื้อแดง

 

มีรายงานว่าในช่วง 4 วันที่ประชาชนแห่ไปถอนเงินจากธนาคารออมสิน ตั้งแต่วันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ 2557พบว่า ธนาคารมีเงินไหลออกสุทธิรวมประมาณ 60,900 ล้านบาท โดยมียอดถอนเงินรวม 105,700 ล้านบาท และยอดฝากเงินรวมอยู่ที่ 44,800 ล้านบาท สำหรับยอดการฝาก-ถอนเงินวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ธนาคารออมสินมียอดฝากเงิน 12,000 ล้านบาท ถอนเงิน 24,000 ล้านบาท วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 มียอดฝากเงิน 10,800 ล้านบาท ถอนเงิน 38,000 ล้านบาท และวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 มียอดฝาก 10,000 ล้านบาท และถอนเงิน 30,000 ล้านบาท

 

นี่คือปรากฎการณ์ความไม่พอใจต่อการทำงานของรัฐบาลที่มีความพยายามควักเงินจากกระเป๋าของประชาชนไปใช้เพื่อกลบความผิดพลาดในนโยบายที่ล้มเหลว และแม้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะผ่านมาเกือบ 10 ปี

 

แต่ต้องไม่ลืมว่า ความไม่พอใจครั้งนั้นมาจากการความล้มเหลวในนโยบายจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทยที่ทำให้ประเทศชาติวินาศสันตะโร ดังนั้นบทเรียนประชาชนแห่ถอนเงินออมสินอาจย้อนกลับมาอีกครั้งก็เป็นไปได้…?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น