รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง อดีตคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Asawinee Wanjing” โดยระบุว่า วันนี้รายใหม่ ขอเรียงความเล่าเรื่องนะคะ เพราะอยากบันทึกไว้จดจำ เป็นช่วงหนึ่งของประสบการณ์ชีวิต จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นจาก…กรณีที่ จำเลยได้รับข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนความจริง จากสื่อฯบางสื่อ ที่พยายามสร้างกระแสความเข้าใจผิด
ทำให้จำเลยได้มีการแชร์ภาพ พร้อมโพสต์ข้อความกำกับ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งมีลักษณะดูหมิ่นดูแคลน …ทำให้โจทก์ซึ่งมีอาชีพครูอาจารย์ และดำรงตำแหน่งผู้บริหารฯ ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง เสียความน่าเชื่อถือ ทั้งในตำแหน่ง อาชีพและการงาน…
เพื่อความยุติธรรมกับทุกฝ่าย โจทก์จึงยื่นเรื่อง “ขอความเป็นธรรม” ต่อศาล ซึ่งศาลก็ได้พิจารณรับคำฟ้อง จึงออกหมายเรียก นัดให้จำเลยมาศาล เพื่อรับทราบและไตร่สวนมูลฟ้อง
ซึ่งจำเลยก็มิได้เดินทางมาศาลตามหมายนัด หลายครั้ง โดยที่ทนายฝ่ายโจทก์ได้เป็นผู้พยายามติดต่อให้จำเลยทราบ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ และแจ้งให้จำเลยทราบว่า หากจำเลยไม่มาตามหมายนัด จะเสียสิทธิอย่างไร
โดยการนัดครั้งที่2 จำเลยก็ยังมิได้เดินทางมาศาลตามกำหนด (ซึ่งโดยปกติ ศาลจะต้องพิจารณาออกหมายจับในครั้งนี้) แต่ทางศาลท่านใจดี(มาก) จึงขอให้โจทก์(ใจดีบ้าง) ช่วยเห็นใจ และให้โอกาสจำเลยอีกสักครั้ง เพื่อต้องการให้จำเลยได้มาขอโทษโจทก์ จะได้…ไม่ต้องมีคดีความ???
**ในความเป็นครู นั้นก็เข้าใจถึงความรู้สึก…แต่ในความเป็นประชาชน ผู้ที่ถูกกระทำ ถูกกลั่นแกล้ง คุกคาม มาเป็นระยะเวลาสองปีกว่า ..ยังไม่เข้าใจว่า สุดท้ายแล้ว อะไร? คือ ความยุติธรรม…ที่แท้จริง! เพราะศาลไม่ต้องการให้จำเลยโดนคดีความ… จึงทำให้โจทก์ (ใจดีมีน้ำใจ) ต้องจ่ายค่าอากรหมายนัด ส่งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยในต่างจังหวัดอีก เกือบ 800 บาท (เป็นครั้งที่ 3 !) เหตุผลเพราะจำเลยแจ้งทนายโจทก์ มาบอกศาลว่า…ไม่มีเงินค่าเดินทาง..? ซึ่งโจทก์เดินทางมาศาลในทุกครั้ง
…ศาลได้กำหนดเลื่อนนัดออกไปให้อีก 1 เดือนกับ 1 สัปดาห์
เมื่อถูกเลื่อนนัดออกมา ทางทนายโจทก์ ก็ต้องเป็นฝ่ายพยายามติดต่อ ไปหาจำเลย(เพราะจำเลยไม่มีทนาย) ซึ่งพยายามอธิบายให้จำเลยเข้าใจในข้อกฎหมาย เพื่อให้จำเลยมาศาล หากไม่ปฏิบัติตามหมายศาล ก็จะถูกหมายจับ..