9 ต.ค.66.-นายจักรพงศ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลัง ประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินที่กระทรวงการต่างประเทศ ถึงพัฒนาการของเหตุการณ์ในอิสราเอล ว่า ได้รับรายงานมีพลเรือนเสียชีวิตไม่น้อยกว่า 700 รายถูกจับเป็นตัวประกัน 100 คน ในส่วนผลกระทบต่อคนไทย มีผู้เสียชีวิต 12 ราย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากสถานทูตอิสราเอล มีผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมเป็น 9 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน ขณะที่ที่ประชุมในการหารือมาตรการการอพยพซึ่งมีคนไทยแสดงความประสงค์จะขอกลับประเทศไทย 1,437 คน เป็นการยืนยันเมื่อเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ส่วนผู้ไม่ประสงค์ไม่จะเดินทางกลับ 23 คน และมีรายงานทางการ ช่วยเหลือคนไทยออกมาจากพื้นที่เสี่ยงมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว โดยใช้ทุกช่องทางเรื่องของการอพยพ คือสายการบินเอกชนด้วยการเช่าเหมาลำ เครื่องบินจากกองทัพอากาศและการบินไทย มีการประชุมร่วมกัน ทุกหน่วยงานเตรียมจัดหาเที่ยวบินพาณิชย์ในการอพยพคนไทยออกมาจากอิสราเอล รมช.ต่างประเทศ ระบุว่า กลุ่มแรกที่จะทำการอพยพออกมาจากอิสราเอลนั้น เป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย ด้วยเครื่องบินพาณิชย์ของทางการอิสราเอล
รมช.กต. เผย เตรียมขน15 ผู้บาดเจ็บคนไทยกลับเที่ยวแรกถึงไทย 12 ต.ค.นี้
ข่าวที่น่าสนใจ
โดยคาดว่าจะออกเดินทางจากอิสราเอลในวันที่ 11 ต.ค.และเดินทางถึงไทย 12 ต.ค.นี้ จำนวน 1 เที่ยวบิน ซึ่งขณะนี้ รัฐบาล และสถานทูตไทยพยายามใช้ทุกวิถีทางในการพาคนไทยกลับประเทศได้อย่างปลอดภัย ซึ่งต้องรอทางการอิสราเอลวางแผนการอพยพคน เพื่อจัดเที่ยวบินพาณิชย์ของอิสราเอลให้เหมาะ ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่สามารถใช้เที่ยวบินของกองทัพอากาศได้ การเดินทางในอิสราเอลยังมีความยากลำบาก จึงต้องขึ้นอยู่กับการอำนวยความสะดวกของอิสราเอลเป็นหลัก ในส่วนของตัวประกันคนไทย 11 คนนั้น นายจักรพงษ์ กล่าวว่า มีรายงานว่าทั้ง 11 คน อยู่ในความปลอดภัย โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจมีการประสานงานกับสถานทูตไทยในแต่ละประเทศที่มีความสัมพันธ์กับทางผู้ที่จับตัวประกันไป สถานทูต พยายามจะติดต่อไปขอการสนับสนุนการปล่อยตัวพลเรือนบริสุทธ์ ทั้งทูตกัวลาลัมเปอร์ ได้พบกับทูตปาเลสไตน์ เพื่อแจ้งถึงความกังวลและขอการปล่อยตัวพลเรือนไทยออกมาอย่างปลอดภัย ส่วนนักเรียนไทยอีก 80 คน ทางสถานทูตไทยประจำอิสราเอล ยืนยันว่าปลอดภัยทุกคน โดยทันทีที่คนไทยกลับมาในวันที่ 12 ต.ค.นี้ รัฐบาลมีการประสานงานกระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงกระทรวงสาธารณสุขเพื่อตรวจสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจทั้งหมด สำหรับช่องทางการติดต่อประสานงาน ทางกระทรวงการต่างประเทศได้เพิ่มจาก 30 คู่สายเป็น 60 คู่สายให้ประชาชนได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามข้อมูล ตลอด 24 ชั่วโมง และมีการเปิดห้องไลน์โอเพ่นแชทชื่อห้องว่า “ขอรับความช่วยเหลือกรณีคนไทยในอิสราเอล”
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะสนับสนุนเจ้าหน้าที่ไปยังสถานทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ อิสราเอล เพิ่มอีกเพื่อประสานการเคลื่อนย้ายอพยพ ย้ำว่านายกรัฐมนตรี กำชับย้ำถึงความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพี่น้องคนไทยเป็นความสำคัญสูงสุดเพื่อพาคนไทยกลับอย่างปลอดภัย โดยย้ำว่า ขณะนี้ มีการอพยพพลเรือนรวมถึงคนไทยที่อยู่ในฉนวนกาซ่าพื้นที่เสี่ยงออกมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยได้แล้วบางส่วน ซึ่งไม่ขอเปิดเผยสถานที่ นายจักรพงศ์ ระบุด้วยว่า สำหรับการ ประสานการทูตจะช่วยเหลือตัวประกัน 11 คนของไทยนั้น ได้ประสานทูต 4 ประเทศ เช่น จอร์แดน อียิปต์ มาเลเซีย ทุกประเทศมีความเห็นใจประเทศไทยอย่างมาก ช่วยประสานขอการปล่อยตัวคนไทยให้มีความปลอดภัย
ส่วนการประสานนำศพแรงงานคนไทยที่เสียชีวิตทั้ง 12 ราย ในพื้นที่ประสบภัยนั้นยังต้องรอให้ทางการอิสราเอล ขอคืนและเคลียร์พื้นที่ให้เสร็จสิ้น รวมถึงการตรวจอัตลักษณ์ชันสูตรศพให้เรียบร้อยก่อน ทั้งนี้ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการอพยพ คนไทยกลับทางสถานทูตและกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด “ ด้วยสถานการณ์ที่อิสราเอลยังไม่สงบเราก็ยังไว้วางใจอะไรไม่ได้ เพราะสามารถเกิดอะไรขึ้นได้ทุก ซึ่งความสำคัญคือต้องอพยพคนที่ต้องการจะกลับมาให้ได้ก่อน โดยเร่งประสานทรวงการต่างประเทศทุกประเทศให้ได้เร็วที่สุด เจรจานำคนไทยออกมายอมรับว่ามีสัญญาณบวก”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง