วันนี้ (10 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกยังคงมีฝนตกลงอยู่ตลอด ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำลำคลองต่างๆ มีปริมาณสูงขึ้น โดยที่แม่น้ำยมสายใหม่ที่รับน้ำไหลลงมาจากจังหวัดสุโขทัยมีปริมาณน้ำสูงขึ้นไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมตลิ่งในตำบลชุมแสงสงคราม คุยม่วง ท่านางงาม ตำบลบางระกำ
ข่าวที่น่าสนใจ
นางสาวพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ ส.ส. พรรคเพื่อไทย และนายสมเกียรติ ชื่นบางบ้า คณะกรรมการมูลนิธิร่วมกตัญญูพิษณุโลก ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม โดยนั่งเรือท้องแบนร่วมมอบถุงเครื่องยังชีพให้กับชาวบ้านหมู่ 1, 2, 3 ต.ชุมแสงคราม อ.บางระกำ พิษณุโลก เพื่อรายงานสถานการณ์น้ำท่วมให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีทราบ / โดยนายกฯ มีกำหนดเดินทางมาที่บึงตะ เคร็ง อ.บางระกำ ซึ่งเป็นบึงสาธารณะตามโครงการบางระกำโมเดล ในวันที่ 14 ต.ค.ที่จะถึงนี้
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมที่อำเภอวังทอง ในช่วงนี้ปริมาณน้ำในลำน้ำเข็กยังคงมีระดับน้ำ สูงประมาณ 2 เมตร เนื่องจากในพื้นที่อำเภอวังทอง อำเภอนครไทย จ.พิษณุโลก และอำเภอหล่มสัก จ.เพรชบูรณ์ยังคงมีฝนตกลงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ทำให้มีน้ำไหลลงจากอำเภอหล่มสัก อำเภอเขาค้อ ลงในลำน้ำเข็กที่ไหลผ่านในตัวอำเภอวังทอง ชาวบ้านเรียกว่าแม่น้ำวังทอง ทำให้ระดับน้ำแม่น้ำวังทองสูงขึ้นไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านในตำบลวังนกแอ่น ตำบลวังทอง ตำบลวังพิกูล แต่ยังไม่ได้เอ่อท่วมเข้าย่านเศรษฐกิจหรือตลาด 120 ปี
ขณะที่ นายศักดิ์ปรินทร์ สุรารักษ์ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าพิษณุโลก นำเจ้าหน้าที่เทศบาลวังทอง, ฝ่ายปกครอง, สำนัก 11 กรมอุทยาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกรอกกระสอบทราย ป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าตัวอำเภอวังทอง
ด้าน นายสมพงษ์ หอมสนิท นายอำเภอวังทอง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำพื้นที่ตำบลชัยนาม โดยประสานรถขนส่งทหารของ กรมทหารช่างที่ 3 อำนวยความสะดวกรับส่งนักเรียนและประชาชน ที่หน้าวัดบึงพร้าว เข้าออกหมู่บ้านและเส้นทางหลัก
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่า หมู่ที่ 5 บ้านวงฆ้อง ตำบลชัยนาม อำเภอวังทอง ถนนตัดขาด รถไม่สามารถสัญจรเข้าออกได้ มีบ้านเรือนติดเกาะจำนวน 50 หลังคาเรือน ล่าสุดได้ส่งเครื่องยังชีพเข้าไปช่วยเหลือแล้ว
ส่วนที่จังหวัดอุบลราชธานี ออกประกาศแจ้งให้ชาวบ้านในที่ลุ่มต่ำสองฝั่งแม่น้ำมูลอพยพหนีแม่น้ำมูลขึ้นสูง เพราะฝนตกหนักในพื้นที่และเขื่อนกั้นแม่น้ำมูลระบายน้ำเพิ่มจากน้ำฝนที่ตกลงมา โดยวันนี้ (10 ต.ค.66) เจ้าหน้าที่ทหารจาก มทบ. 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี เร่งขนกระสอบทรายเสริมแนวกั้นน้ำในชุมชนท่ากอไผ่ หาดสวนยา เพื่อชะลอน้ำให้ชาวบ้านได้อพยพสิ่งของไปยังศูนย์อพยพที่ทางเทศบาลได้จัดไว้หลังจากที่ ทางเขื่อนหัวนา จ.ศรีสะเกษ ซึ่งกั้นแม่น้ำมูลตอนบนประกาศยกบานประตูน้ำทั้ง 14 บาน เพื่อระบายน้ำฝนที่ตกลงมาจากร่องมรสุมลงสู่เขตอำเภอเมืองอุบลราชธานี เพิ่มจากวันละ 159 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นวันละ 162 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ประกอบกับเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ได้ระบายน้ำลงมาตามลำแม่น้ำชี จะทำให้มวลน้ำทั้ง 2 ลุ่มน้ำมารวมกันที่อำเภอเมืองและอำเภอวารินชำราบ ทำให้แม่น้ำมูลที่จังหวัดอุบลราชธานีสูงขึ้นอีก ขณะที่ทาง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติออกประกาศเตือน ฉบับที่ 3/2556 เรื่อง เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำที่มีความเสี่ยง และน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำมูล บริเวณสถานี M.๗ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ +113.00 ถึง +113.50 เมตร ระดับทะเลปานกลาง สูงกว่าตลิ่ง 1.00 – 1.50 เมตร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ บริเวณอำเภอเมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ พิบูลมังสาหาร ดอนมดแดง ตระการพืชผล และม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี
ทำให้ชาวบ้านในอยู่ในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี เทศบาลเมืองแจระแม และเทศบาลเมืองวารินชำราบ ต้องอพยพหนีน้ำท่วมเพิ่มจากเดิม 24 ชุมชน เป็น 26 ชุมชน รวม 436 ครอบครัว จำนวนกว่า 1,500 คน กระจายอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวจำนวน 22 จุด และยังมีแนวโน้มต้องอพยพเพิ่มเติมตามระดับน้ำที่สูงขึ้นในช่วงนี้ ส่วนระดับแม่น้ำมูลวันนี้ ปรับตัวขึ้นอีก 8 เซนติเมตร ทำให้มีน้ำสูง 8.00 เมตร โดยมีน้ำล้นตลิ่ง 1 เมตรแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
