ศาลเชียงใหม่สั่งจำคุก 4 ปี “ตี้ วรรณวลี” 2 ปี 8 เดือน ผิดคดีม.112 โพสต์ภาพหมิ่นเบื้องสูงม็อบปี 63

ศาลจังหวัดเชียงใหม่ พิพากษาจำคุก 4 ปี “ตี้ วรรณลี” แนวร่วมม็อบราษฏร ผิดม.112 โพสต์ภาพชูป้ายเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงในม็อบบ๊ายบายไดโนเสาร์ ของนักเรียนเลวปี 63 ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน ยกฟ้องจำเลยอีก2 คน ลุ้นยื่นประกันตัว

10 ต.ค.2566 ทวิตเตอร์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความว่า ด่วน! ศาลจังหวัดเชียงใหม่พิพากษาคดี ม.112 ของ “ตี้ วรรณวลี” กับเพื่อนอีก 2 คน เห็นว่าเฉพาะวรรณวลีที่มีความผิดตามฟ้อง เห็นว่าข้อความในป้ายของวรรณวลีเข้าข่ายเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน ลงโทษจำคุก 4 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษหนึ่งสาม เหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลยอีกสองราย ข้อความในป้ายที่ถือ ไม่ชัดเจนว่าหมายถึงบุคคลใด ทั้งจำเลยทั้งสองไม่ได้กดรับที่จำเลยที่ 1 แท็กมา ไม่ได้กดไลท์ กดแชร์ต่อ จึงยังไม่ชัดเจนว่าทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 และ 3 อยู่ระหว่างยื่นประกันตัววรรณวลีระหว่างอุทธรณ์

 

 

สำหรับที่มาที่ไปของคดีนี้ เหตุเกิดจากโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของ “ตี้ วรรณวลี” จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2563 เป็นภาพจำเลยทั้งสามคนยืนเรียงหน้ากระดานถือป้ายข้อความคนละป้าย อยู่ในบริเวณการชุมนุม ต่อมาทราบว่าเป็นการชุมนุมที่ใช้ชื่อว่า #บ๊ายบายไดโนเสาร์ ที่จัดขึ้นโดยกลุ่มนักเรียนเลว บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม

 

 

โดยวรรณวลีได้เขียนแคปชั่นประกอบภาพต่อมาในวันที่ 29 พ.ย. 2563 สุกิจ เดชกุล สมาชิกกลุ่มไทยภักดีเชียงใหม่ ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว กับพวก อ้างว่าข้อความและภาพถ่ายมีลักษณะ “ดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” โดยมีเจตนาเพื่อให้ประชาชนที่ได้เห็นข้อความหลงเชื่อ และร่วมแสดงความคิดเห็นที่ลักษณะเป็นการดูหมิ่น ใส่ความ ทำให้พระมหากษัตริย์เสื่อมเสียพระเกียรติ ทรงถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง อันเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ

ข่าวที่น่าสนใจ

หลังได้รับหมายเรียกจากตำรวจ ทั้งสามคนได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2564 ก่อนตำรวจจะส่งสำนวนให้อัยการเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2564

จากนั้นครึ่งปีผ่านไป วันที่ 26 ต.ค. 2564 พนักงานอัยการได้สั่งฟ้องทั้งสามคนในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 โดยกล่าวหาว่าป้ายข้อความในรูปดังกล่าวมีความหมายไปในทางเสียดสี ดูถูก ดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่เป็นความจริงโดยองค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะและผู้ใดจะละเมิดมิได้

ทั้งสามคนยืนยันให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นศาล และศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้สืบพยานไปเมื่อวันที่ 13-16 มิ.ย. 2566 และนัดสืบพยานจำเลยที่ตกค้างเพิ่มเติมอีกครึ่งนัด เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2566 จนเสร็จสิ้น จนมีคำพิพากษาล่าสุดในวันนี้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย
ทบ.ขานรับนโยบายปราบยาเสพติด เพิ่มทหาร 6 กองกำลัง วัดเคพีไอ 10 กพ.-10 มิ.ย.
ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”
สละเรือแล้ว! "ผบ.อิสราเอล" ยื่น "ลาออก" เซ่นเหตุ 7 ต.ค. ไล่แทงกันในเทลอาวีฟเจ็บ 5
สุดปัง “นายกฯ” สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น