กระทรวงการต่างประเทศไทย เชื่อมั่น ตัวประกันไทยจะไม่เป็นเหยื่อสังหารของกลุ่มฮามาส หวั่นขยายความขัดแย้งเพิ่ม พร้อมนำคนไทยทั้ง 15 คน กลับบ้าน เร่งแรงงานไทยลงทะเบียนขอกลับบ้านทุกช่องทาง แจง ยังไม่มีข้อมูลผู้เสียชีวิต เพราะต้องรอทางการอิสราเอลตรวจอัตลักษณ์

วันที่ 10 ต.ค. ที่ กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล พร้อมด้วย นส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้โฟนอินเข้ามาเพื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

นางกาญจนา กล่าวถึงสถานการณ์ในอิสราเอลขณะนี้ ว่า ยังมีความรุนแรงโดยเฉพาะในพื้นที่ฉนวนกาซา ซึ่งฝ่ายอิสราเอลพยายามที่จะยึดพื้นที่ และเคลื่อนย้ายประชาชนออกมาในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งทางการไทยได้รับรายงานจากสถานทูตกรุงเทลอาวีฟ มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 6 ราย รวม 18 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บ 9 คน และตัวประกัน 11 คน อีกทั้งกองทัพอิสราเอลได้อพยพพลเมืองและแรงงานไทยออกจากพื้นที่สีแดงรอบฉนวนกาซ่า 4 กม. นำเทคโนโลยีการจำลองใบหน้าติดตามผู้ที่สูญหายหรือบุคคลที่ติดต่อไม่ได้

ข่าวที่น่าสนใจ

นางกาญจนา กล่าวอีกว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การต่างประเทศ ได้หารือโทรศัพท์กับ รมว.การต่างประเทศของอิสราเอล เร่งช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันออกมาให้เร็วที่สุด และขอให้ยืนยันข้อมูลผู้เสียชีวิตผู้บาดเจ็บอย่างเป็นทางการ

“ส่วนฝ่ายฮามาส ออกมาบอกว่าจะสังหารตัวประกันนั้น ทางการไทยได้หารือกับฝ่ายต่างๆ มั่นใจว่ากลุ่มฮามาสไม่น่าจะทำร้ายคนต่างชาติ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่อยากขยายความขัดแย้งไปประเทศอื่น ต้องรอดูเหตุการณ์ต่อไป”

สำหรับแรงงานไทยจะอพยพจากอิสราเอลเที่ยวบินแรก วันที่ 11 ต.ค. จำนวน 15 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บาดเจ็บ ด้วยเครื่องบินพาณิชย์สายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบิน LY 083 เวลาออก 21.45 น. ถึงไทย 10.35 น. วันที่ 12 ต.ค. ส่วนเที่ยวสองอพยพเพิ่มเติมอีกรอบวันที่ 18 ต.ค. จำนวน 80 ที่นั่ง ซึ่งมีผู้แสดงความประสงค์จะขออพยพ 3,226 คน นอกจากนี้ประเทศแถบยุโรปได้มีการวางแผนจะอพยพผู้คนออกจากอิสราเอลเช่นกัน

นส.พรรณนภา ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน หากแรงงานไทยจะกลับ สามารถติดต่อทางการไทยได้อย่างไร ว่า การอพยพคนไทยทางการไทยจะนำรถไปรับ หรือให้ผู้จ้างให้มาส่งที่สนามบิน และทำเอกสารเดินทางชั่วคราวให้ อีกทั้งสถานทูตได้เปิดให้คนไทยที่ต้องการเดินทางกลับลงทะเบียนผ่าน Google form สายด่วน 60 คู่สาย และทุกช่องการสื่อสาร แต่สถานทูตจะส่งผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกลับไปก่อน

สำหรับแรงงานไทยที่ไม่มีเอกสารที่ไม่มีติดตัว สถานทูตจะช่วยอย่างไร นส.พรรณนภา เผยว่า จะเตรียมเอกสารซีไอให้ ยืนยันจะดูแลให้ดีที่สุดแล้วจะทำให้ทุกอย่างราบรื่น

ทางการข่าวจะให้คำตอบได้อย่างไรว่าตัวประกันยังปลอดภัย และทางการไทยได้ประสานในส่วนของประเทศใด นส.พรรณนภา เผยว่า เป็นประเด็นเรื่องความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอล ให้คำมั่นจะพยายามดูแลและช่วยเหลือทุกคน ทุกชาติที่ถูกจับไป เราขอฝากความหวังว่าคนไทยจะได้รับการช่วยเหลือออกมาพร้อมกับชาติอื่น ถึงแม้ว่าตอนนี้ทางการไทยยังไม่มีข้อมูลว่ามีการย้ายตัวประกันกระจายไปตามจุดต่างๆ ยืนยันว่า ตัวประกันที่ถูกจับไปจำนวนหลาย 100 คน รวมทุกชาติ ไม่ใช่แค่คนไทย

สำหรับการดูแลแรงงานไทยถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ทางการไทยยืนยันจะดูแลทุกคนเท่าเทียม พยายามหาเที่ยวบินพาณิชย์อื่น อาจจะไม่ได้ทั้งหมดแต่ต้องนำกลับมาให้มากที่สุด

เมื่อถามว่า ปัญหาค้าแรงงานไทยที่โดนไปขายต่อในอิสราเอล ทางการไทยจะช่วยเหลืออย่างไร เอกอัครราชทูตเทลอาวีฟ เผยว่า อิสราเอลเป็นประเทศไม่ใหญ่ จะนำตัวแรงงานไปฝากไว้พื้นที่อื่น ถือว่าเป็นการย้ายงาน นายจ้างจะรับคนงานเข้าไปทำงานในพื้นที่ปลอดภัย แต่ภาวะสงครามแรงงานไทยต้องปลอดภัย จึงจะขอประสานให้ทางการอิสราเอลช่วยเหลือ

สำหรับผู้เสียชีวิตร่างตอนนี้ ทางการอิสราเอลมีกำลังพลไม่พอ จึงยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างเป็นทางการ อิสราเอลขอใช้เวลาดำเนินการบันทึกบุคคลเหล่านี้เสียชีวิตจากสงคราม ขั้นตอนพิสูจน์อัตลักษณ์ มากกว่า 900 คน จะสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตกลับมาได้ เพื่อประโยชน์ของญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากทางการอิสราเอลจากภัยสงคราม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กต. เชื่อคนไทยไม่เป็นเหยื่อ เหตุขัดแย้ง “อิสราเอล-ปาเลสไตน์” เร่งประสานช่วยเหลือทุกช่องทาง