ย้อนรอย นโยบายก้าวไกล ชูต่อต้านคุกคาม-ล่วงละเมิดทางเพศ แต่พฤติกรรมคนของพรรค ทำเสียเอง

โดยหัวข้อ “รณรงค์ความรู้เรื่องเพศให้สังคม เริ่มต้นจากหน่วยงานรัฐ” พรรคก้าวไกลเสนอนโยบายสำคัญ ดังนี้
-ส่งเสริมให้เกิดกิจกรรม ให้ความรู้เรื่องเพศและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เรื่องเพศกับหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม
-กำหนดให้หน่วยงานรัฐในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการแก้ไขปัญหาการคุกคามทางเพศ/ล่วงละเมิดทางเพศ มีการเก็บข้อมูล จัดทำข้อมูลสำรวจ และจัดทำรายงานปัญหาดังกล่าวทุกปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาแนวนโยบายให้สอดคล้องกับทิศทางและพฤติกรรมของคนในสังคม
-ทำแคมเปญรณรงค์ผ่านสื่อสร้างสรรค์ ให้สอดแทรกเนื้อหาการไม่ยอมรับพฤติกรรมการคุกคามทางเพศ/ล่วงละเมิดทางเพศ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมีทัศนคติมุมมองที่เปลี่ยนไปกับพฤติกรรมดังกล่าว

อีกหัวข้อ “ปรับปรุงกฎหมายต่อต้านความรุนแรงทางเพศ” พรรคก้าวไกลเสนอนโยบายสำคัญดังนี้
-แก้ประมวลกฎหมายอาญา และกฎ ก.พ. เพื่อกำหนดนิยามใหม่ของการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ การกระทำอนาจาร และการกระทำชำเราเสียใหม่ เพื่ออุดช่องว่างของกฎหมายให้ครอบคลุมกับปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมมากขึ้น
-ในส่วนของการคุกคามทางเพศและการกระทำอนาจารนั้น ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายให้คำนิยามอย่างชัดเจน มีเพียงคำพิพากษาศาลฎีกาใช้เป็นบรรทัดฐานเท่านั้น จึงมักกลายเป็นดุลยพินิจของผู้ที่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยว่ากรณีใดเป็นหรือไม่เป็นการคุกคามทางเพศ หรือการกระทำอนาจาร
-ในส่วนของการกระทำชำเรานั้น ปัจจุบันได้มีการแก้ไขให้การกระทำชำเรานับเฉพาะการใช้อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่นเท่านั้น จึงเห็นว่าควรนำนิยามเกี่ยวกับการใช้สิ่งอื่นที่ไม่ใช่อวัยวะเพศมากระทำในรูปแบบเดียวกัน กลับเข้ามารวมในนิยามของการกระทำชำเราด้วย

ทั้งสองหัวข้อ พรรคก้าวไกลได้อธิบายถึงปัญหาจนเป็นที่มาของนโยบายดังกล่าว เพราะว่าที่ผ่านมาความเท่าเทียมในมิติทางสังคมของประเทศไทยเต็มไปด้วยปัญหา ทั้งโอกาสของการสมรส การรับบุตรบุญธรรม การถูกคุกคามทางเพศ ตลอดจนการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของผู้พิการ ดังนั้นการยกระดับสังคมด้วยนโยบายที่สร้างความเสมอภาคให้คนเท่ากัน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างสังคมไทยที่โอบรับทุกคนให้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างเสมอหน้า

ทั้งหมดคือนโยบายของพรรคก้าวไกลที่นำเสนอต่อสังคม แต่ทว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่าคนของพรรคก้าวไกลเอง ที่ตกเป็นข่าวคุกคามทางเพศ และทำร้ายร่างกายสุภาพสตรี ไล่มาตั้งแต่กรณีเมื่อเดือน พฤษภาคม 2565 นายสัณห์สิทธิ์ เนาถาวร ส.ก.เขตวัฒนา พรรคก้าวไกล ถูกร้องเรียนมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นการคุกคามทางเพศ จากการส่งข้อความหาและสัมผัสเป้ากางเกงตนเองต่อหน้าอดีตลูกจ้างของนายสัณห์สิทธิ์ ซึ่งเป็นหญิงข้ามเพศ ซึ่งมาทำงานในช่วงทำแคมเปญหาเสียงเลือกตั้ง ส.ก. ทั้งนี้นายสัณห์สิทธิ์ ได้ฟ้อง นาดา ไชยจิตต์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่เปิดเผยเรื่องดังกล่าวด้วยฐานหมิ่นประมาท แต่ศาลยกฟ้อง ปัจจุบันนายสัณห์สิทธิ์ยังคงสังกัดพรรคก้าวไกล