“อ.ไชยันต์” เผยแนวทางการทำราชการ “ในหลวง ร.9” ต่างจากพระมหากษัตริย์ต่างชาติ ช่วยให้สถาบันฯได้รับการฟื้นฟูขึ้น

“อ.ไชยันต์” เผยแนวทางการทำราชการ “ในหลวง ร.9” ต่างจากพระมหากษัตริย์ต่างชาติ ช่วยให้สถาบันฯได้รับการฟื้นฟูขึ้น

13 ต.ค.2566 ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง 13 ตุลาคมของทุกปี คือ “วันนวมินทรมหาราช” รำลึกถึง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9”

 

โดยศ.ดร.ไชยันต์ ระบุตอนหนึ่งว่า เนื่องด้วยในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ทรงรับบรมราชาภิเษกขึ้นครองราชย์ภายใต้ระบอบการปกครองและสภาพแวดล้อมทางการเมืองใหม่ นั่นคือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และพระมหากษัตริย์จะต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ตลอดจนสภาพแวดล้อมอำนาจทางการเมืองยังกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มผู้นำคณะราษฎรบางคน และกลุ่มข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการฝ่ายทหาร อีกทั้งในบริบทของการเมืองไทยหลัง พ.ศ.2475 ความผุกร่อนเสื่อมคลายของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นข้อเท็จจริง ที่แม้แต่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเอง ก็ทรงยอมรับว่าได้เกิดขึ้นอยู่ก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาระยะหนึ่งแล้ว และด้วยผลของเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดฝันและปรารถนาจะให้เกิดขึ้น ทำให้ภารกิจในการสร้างและวางบทบาท รวมทั้งการฟื้นฟูสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องตกอยู่กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช แทนที่จะเป็นพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ผู้ทรงเป็นพระบรมเชษฐาธิราช

ข่าวที่น่าสนใจ

 

ศ.ดร.ไชยันต์ ระบุว่า แนวทางการ “ทำราชการ” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระสถานะพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยของไทย มีความแตกต่างจากพระมหากษัตริย์ของต่างประเทศพระองค์อื่นอย่างเด่นชัด ในเรื่องการทรงทำหน้าที่ ที่มิได้จำกัดอยู่แต่เพียงการเป็นประมุขของรัฐ และพิธีการตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ได้ทรงขยายบทบาทหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ออกไปอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสนับสนุนการพัฒนา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าเหมาะสมต่อสภาพของประเทศ ซึ่งกำลังถูกผลักให้เข้าสู่สภาวะสมัยใหม่ตามกระแสโลก และในด้านที่เป็นการส่งเสริมเพิ่มพูนพระบารมีตามคติธรรมโบราณของไทยเกี่ยวกับผู้ปกครองที่ดี เพื่อดำเนินและดำรงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับเหล่าพสกนิกรทั่วทุกระดับ และในท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศ การปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ ซึ่งขยายออกไปจากหน้าที่ที่มีอยู่ตามแบบแผนทั่วไปของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยเหล่านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกระทำด้วยพระราชหฤทัยตั้งมั่น ไม่ย่อท้อ นำให้พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลายทรงเจริญรอยตาม

 

ศ.ดร.ไชยันต์ ระบุอีกว่า การตรากตรำพระวรกายในการทรงงานเหล่านั้นอย่างต่อเนื่องยาวนานมาตลอดรัชสมัย ทำให้สถานะและบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ได้รับการฟื้นฟูขึ้นจนกลายเป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญในระบอบการปกครองใหม่ และทำให้พระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระสถานะอยู่เหนือการเมืองและภายใต้รัฐธรรมนูญ กลับมามีบทบาทที่สำคัญยิ่งในทางการเมือง ซึ่งมิใช่จำกัดอยู่แต่เพียงการทำหน้าที่ในฐานะพระประมุขของชาติเท่านั้น แต่ความสำคัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังอยู่ที่บทบาทในระบบการเมือง ในฐานะองค์อธิปัตย์ที่เป็นตัวแทนของเจตจำนงทั่วไปของคนในชาติผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ในยามที่บ้านเมืองประสบวิกฤติภาวะอีกด้วย ขอพระองค์ทรงสถิตย์อยู่ในใจไปตลอดกาลนาน

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชาวอเมริกันลุกฮือประท้วงทรัมป์เป็นครั้งที่สอง
รัสเซียประกาศหยุดยิง 30 ชั่วโมงเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์
“รมว.สุดาวรรณ” ร่วมเปิดประวัติศาสตร์ระดมช่างฟ้อนเกือบหมื่นคน บันทึกสถิติโลก ฟ้อนเล็บคุ้มเจ้าหลวงอัตลักษณ์เชียงใหม่ ฉลองสมโภชเชียงใหม่ 729 ปี
ชาวธัญบุรี เปิดใจเล่านิสัย "พีช" เชื่อเหตุการณ์ขับรถหรู ปาดหน้ากระบะ อาจเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ
"ทีมนายกเบี้ยว" เดือด ขู่ใส่ "กัน จอมพลัง" ลั่นใครแน่พวกอิทธิพล เจอสวนลูกพี่สั่งหรือเปล่า ทำแบบนี้?
แฉยับ "แนวร่วม 3 นิ้ว" โวย "ชาญวิทย์" เบี้ยวเงินค่าจ้าง "แม่เพนกวิน" แต่โชว์เที่ยวอังกฤษฉ่ำ
DSI เร่งสอบปากคำ ‘ชวนหลิง จาง’ กรรมการไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ติดตามล่าตัว 3 นอมินีคนไทย
“แม่พีช” เปิดใจโดนทัวร์ลงหนัก ยอมรับขาดการอบรมลูก วอนขอโอกาสให้ครอบครัว
ดีอี เตือนภัย “โจรออนไลน์” เพจปลอม “โอ้กะจู๋” เสนอขาย IPO ระวังหลอกดูดเงิน-ข้อมูลส่วนบุคคล
“พีระพันธุ์” โต้พรรคส้ม ยันสัญญาซื้อไฟ 5,200 MW ทำตามกม. หากพบผิดยกเลิกสัญญาได้ทันที

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น