“จุลพันธ์” แถลงดีเลย์แน่แจกเงินดิจิทัล ปรับเงื่อนไขใหม่ ใช้งบฯปี67 แทนออมสิน

"จุลพันธ์" แถลงดีเลย์แน่แจกเงินดิจิทัล ปรับเงื่อนไขใหม่ ใช้งบฯปี67 แทนออมสิน

วันที่ 25 ต.ค. 66 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ครั้งที่ 2 ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 1 กระทรวงการคลัง หลังเลื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง จากวันที่ 19 ต.ค.66 และ 24 ต.ค.66

นายจุลพันธ์ ระบุว่า แนวโน้มโครงการฯ น่าจะดีเลย์ในระดับหนึ่ง จากเดิมที่จะเริ่มแจกเงินในวันที่ 1 ก.พ.67 เนื่องจากต้องรองบประมาณแผ่นดินมีผลบังคับใช้ ชี้มีข้อดีคือ ทำให้มีกรอบเวลามากขึ้น ในการพัฒนาระบบ มีการยืนยันลงทะเบียนตัวตน ความปลอดภัยในระบบ จะมีไทม์ไลน์เพิ่มขึ้นในการสร้างความมั่นใจในระบบ ส่วนจะดีเลย์เป็นเมื่อไหร่ ขอประเมินอีกครั้ง

“ถ้าใช้เรื่องงบประมาณเป็นหลักอาจล่าช้าบางส่วน”

ส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้นั้น จะมีการเสนอใช้งบประมาณปี 2567 เป็นแหล่งแรก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ มีข้อเสนอในเรื่องแหล่งงบประมาณหลายประเภท ที่ประชุมคณะอนุฯ ยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่ การใช้เงินจากธนาคารออมสิน นั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า ติดขัดเรื่องกฎหมาย กรอบอำนาจหน้าที่ ไม่ได้ครอบคลุมในเรื่องการดำนินการ ไม่ได้มีปัญหาอะไรก็ใช้กรอบงบประมาณเป็นหลักเหมือนเดิม

สำหรับในเรื่องการทำระบบนั้น สมาคมธนาคารไทย ได้มีการมอบหมายให้ธนาคารกรุงไทย เป็นผู้ทำระบบ เนื่องจากมีความพร้อม โดยงบที่ใช้ยืนยัน ไม่ใช่ 1.2 หมื่นล้านบาท แต่ต่ำกว่านั้น อยู่ในระดับที่รับได้

นายจุลพันธ์ ยืนยันเงื่อนไข เป็นคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป แต่จะมีข้อเสนอในส่วนของการตัดคนที่มีความพร้อมทางสังคม โดยอาจมีการพิจารณาจากรายได้ และหรือเงินในบัญชี ทั้งนี้ ยังมีความเห็นแตกต่างในที่ประชุม ที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ซึ่งจะนำเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้ประชุมตัดสินใจในสัปดาห์หน้า

 

 

โดยได้เตรียมข้อเสนอ เพื่อให้คณะกรรมการชุดใหญ่ได้ตัดสินใจ อาทิ ให้สิทธิเฉพาะผู้ยากไร้ ที่มีประชากรราว 15-16 ล้านคน โดยใช้ฐานข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้งบประมาณราว 1.5 แสนล้านบาท / ตัดผู้ที่มีความพร้อมทางสังคม กลุ่มผู้มีเงินเดือนเกิน 25,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากเกิน 1 แสนบาทออก จะเหลือผู้ได้สิทธิ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.3 แสนล้านบาท / ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนเกิน 50,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากเกิน 5 แสนบาทออก จะเหลือผู้ได้สิทธิ 49 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.9 แสนล้านบาท

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ภูมิธรรม" ลั่นยึดกม.ดำเนินคดี "ดร.พอล" ตอบสื่ออย่าคาดเดา ไทยจะยกผิดให้แลกเจรจาภาษีสหรัฐ
"ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร" นำกำลังจนท.บุกทลาย "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" เมืองมหาชัย ให้บริการเฉพาะแรงงานพม่า เปิดเสรีอัพยาเสพติด
พระราม 2 อีกแล้ว! ก้อนปูนทางด่วนร่วงใส่รถ กระจกแตกยับ คนขับเจ็บหนัก
"อัษฎางค์" ชี้ชัด พฤติกรรม "กมธ.การทหาร" ใช้อำนาจ ป้องคดี 112 เข้าข่ายละเมิดกม.จริยธรรมอย่างร้ายแรง
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) แพนด้ายักษ์ 'เม่ยจู' เอนกายพักใจสบายอุราที่สวนสัตว์จีน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) BYD เปิดตัว 'เรือขนส่งยานยนต์' ใหญ่สุดในโลก
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ไทยติดโผเที่ยว 'เซี่ยงไฮ้' มากสุดในไตรมาสแรกปี 2568
นาทีระทึก ไฟไหม้ร้านเหล้าดัง กลางเมืองภูเก็ต จนท.ช่วยดับเพลิงอลหม่าน เร่งตรวจสอบความเสียหาย
ตร.รวบจีนเทาเช่าโกดังเก็บไส้หมูหมัก สภาพสุดโทรม ส่งกลิ่นเหม็น เตรียมส่งขายทั่วไทย ยึดของกลางรวมกว่า 10 ล้านบาท
"อุตุฯ" เตือน 46 จังหวัด รับมือพายุฝนฟ้าคะนอง กทม.ก็ไม่รอด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น